เชื่อว่าแฟนบอลหงส์แดงเมื่อเห็นตารางการแข่งพรีเมียร์ลีกอีก 2 เกมถัดไปของทีม ก็อาจจะมีบางส่วนเอามือกุมศีรษะว่า อะไรมันจะซวยขนาดนั้น ต้องเจอจ่าฝูงที่ฟอร์มโคตรร้อนแรงอย่างอาร์เซนอลแถมยังต้องเจอกับซิตี้ที่ท็อปฟอร์มขนาดนั้น ฟอร์มกระท่อนกระแท่นแบบหงส์แดงจะรอดไหม
ไม่แปลกที่เราจะคิดแบบนั้น ถ้าเลือกได้เราคงอยากเจอทั้งคู่ตอนที่เราฟอร์มดีกว่านี้ นักเตะเล่นเข้าขากันมากกว่านี้ ยิ่งเพิ่งเปลี่ยนระบบใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่นี่แหละฟุตบอล บางทีอะไรมันก็ไม่เป็นดังใจ แต่หากเรามองสถานการณ์ของ 2 เกมนี้เป็นโอกาส ผมก็มองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเหมาะสมกับการแย่งชิงโมเนมตัมของหงส์แดงด้วย อย่างไรหรือ เราจะมาลองวิเคราะห์กัน
หงส์คือตัวแปรสำคัญของปืนและเรือ
แม้ตอนนี้อาร์เซนอลจะนำเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ที่ 21 คะแนน แต่ก็นำเรือใบอยู่แค่ 1 แต้มเท่านั้น หลายสื่อยังยกให้แมนซิตีของเป๊บเป็นเต็ง 1 สำหรับบอลถ้วยนี้อยู่ ประเด็นสำคัญคือ ใครเป็นคู่แข่งของอาร์เซนอล ช่วงนี้ตัดลิเวอร์พูลออกไปได้เลย เพราะมีคะแนนตามหลังเรือใบถึง 10 แต้ม
หลังจากที่สเปอร์สแพ้อาร์เซนอลในเกมลอนดอนเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อีกทั้งยังมีท่าทีว่าฟอร์มจะแกว่งเอา ผิดกับอาร์เซนอลที่ผลงานดีต่อเนื่องแม้จะสะดุดพ่ายแมนยูมาก่อนหน้านั้น แต่พวกเขาสามารถกู้สปิริตกลับมาได้เร็วมาก ฉะนั้นตอนนี้ มีเพียงอาร์เซนอลทีมเดียวเท่านั้นที่ “ยัง” มีโมเมนตัมที่ดีในการเบียดลุ้นกับซิตี เพราะอย่างน้อยพวกเขายังนำอยู่นั่นเอง และพวกเขาจะกำหนดชีวิตตัวเอง
ดังนั้นการเจอกับหงส์แดงที่จะถึงในวันอาทิตย์นี้ จึงเป็นเกมสำคัญสำหรับพวกเขามาก เพราะแมนซิตีจะแข่งก่อนในคืนวันเสาร์ กับ เซาแธมป์ตัน หากซิตีชนะพวกเขาจะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันทีด้วยแต้มห่างกับอาร์เซนอล 2 แต้ม หนทางเดียวที่อาร์เซนอลจะกลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงก็คือต้องชนะลิเวอร์พูลให้ได้
ในทางกลับกันหากแมนซิตีเกิดอุบัติเหตุไม่ชนะนักบุญขึ้นมา อาร์เซนอลก็มีโอกาสที่จะทำคะแนนทิ้งห่างได้หากชนะหงส์แดง มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะปีที่แล้วนักบุญก็บุกมาเสมอเรือใบในบ้านของเรือใบได้ 0-0 แต่นั่นแหละเรือใบเข้าใจสถานการณ์นี้ดี แล้วคิดว่าพวกเขาจะปล่อยโอกาสนี้เหรอ
การพักเดอบรอยน์ โรดรี โฟเดน และส่งฮาแลนด์ลงแค่ครึ่งเวลาแรก เป็นคำตอบชัดเจนเลยว่าเป๊บให้ความสำคัญกับนักบุญในวันเสาร์นี้มากขนาดไหน เพราะเป็บรู้ดีว่าโอกาสที่อาร์เซนอลกับหงส์แดงจะแบ่งตัดแต้มกันนั้นมีมาก และพวกเขาก็รู้ดีว่าเกมต่อไปพวกเขาจะต้องไปเยือนแอนฟิลด์ ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่พวกเขามีแรงจูงใจคือการแก้มือเกมคอมมูนิตีชิลล์อยู่
อาร์เซนอลเองในเกมยุโรปล่าสุดก็พักผู้เล่นตัวหลักเกือบยกชุด ตั้งแต่ผู้รักษาประตู 3 กองหลังตัวจริง กองกลางคนสำคัญทั้งโอเดการ์ด ปาเตย์ กองหน้าก็พักทั้งชาก้าและเฆซุส ถือว่าทั้งสองทีมทำการบ้านมาอย่างดีในการวางแผนการเล่นเพื่อจะเจอกับลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ
ถามว่าทำไมแต้มกับหงส์แดงเกมนี้จึงสำคัญกับทั้งสองทีม เพราะเราอาจจะมองว่า ทุกแต้มทุกทีมสำคัญเหมือนกันหมด เพราะดูเหมือนว่า “แต้ม” จากหงส์แดงจะเป็นตัวกำหนดโมเมนตัมที่เหลือของตารางการแข่งขันจนไปถึงช่วงบอลโลกเลยทีเดียว จากเดิมทีที่พวกเขาจะต้องเจอกันเองในเกมต่อจากที่แมนซิตีมาเยือนลิเวอร์พูล แต่โดนเลื่อนไปเพราะตารางชนกับเกมยุโรปของอาร์เซนอล
เมื่อกางดูตารางที่เหลือจนถึงก่อนจะหยุดพักช่วงบอลโลก อาร์เซนอลพบกับ ลีดส์,เซาแธมป์ตัน,ฟอร์เรส, เชลซี และวูล์ฟ ขณะที่แมนซิตีเล่นกับ นักบุญ (ก่อนเจอหงส์แดง) ไบร์ทตัน, เลสเตอร์, ฟูแล่ม, เบรนท์ฟอร์ด นี่คือตารางการแข่งขันที่ไม่ยากเกินไปสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะแมนซิตีที่แทบจะไม่เจอทีมใหญ่เลย ขณะที่อาร์เซนอลต้องมีโปรแกรมไปเยือนเชลซี 1 เกม
หมายความว่าหากใครแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงได้ในช่วงที่เจอกับ ลิเวอร์พูลได้ โอกาสที่พวกเขาจะทำแต้มนำยาว ๆ จนพักเบรกบอลโลกก็มีสูงมาก เพราะเกมที่ต้องตัดแต้มกันมันถูกเลื่อนไปแล้ว และหากคว้าโมเมนตัมนี้ได้ เชื่อว่าจะเป็นการได้เปรียบระยะยาวของทั้งสองทีม และแน่นอนว่าหากพวกเขาทั้งสองทีมชนะหงส์แดงได้ มันก็เป็นการเขี่ยทิ้งหงส์แดงออกจากการลุ้นแชมป์
การเดิมพันที่สาหัสของหงส์แดง
หากเป็นไปได้ผมว่าเด็กหงส์คงอยากให้ทีมเจอกับทีมในระดับกลางลงมาก่อนสัก 2-3 เกม เพื่อให้คล็อปป์ได้ทดลองปรับระบบการเล่นใหม่ 4-4-2 ที่เพิ่งติดตั้งไป รอให้อะไรเข้าที่เข้าทางสักหน่อย การเจอกับอาร์เซนอลและซิตีที่กำลังลงตัวช่วงนี้มันจึงเป็นงานที่หนักมาก และท้าทายสุด ๆ
ลองคิดง่าย ๆ ในกรณีที่ร้ายแรงสุด ๆ หากหงส์แดงแพ้ทั้งสองเกมนี้ มันเสียหายมาก เพราะมีโอกาสโดนซิตีและอาร์เซนอลทิ้งห่างออกไปอีกทีมละ 6 แต้ม และการแพ้ต่อคู่ต่อสู้แย่งแชมป์โดยตรงมันเสียหายมากกว่า 3 แต้มอยู่แล้ว ยิ่งในสถานการณ์ที่เราตกเป็นฝ่ายวิ่งตามแบบนี้ ประเด็นก็คือหากแพ้ทั้งสองเกมโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะหล่นไปท้ายตารางก็สูงมาก
สถานการณ์มันอาจจะเลวร้ายถึงขั้นว่า เราตามหลังอาร์เซนอล 17 แต้ม ตามหลังแมนซิตี 16 แต้ม และหล่นมาอยู่อันดับที่ 18 ของตารางคะแนนได้ เพราะวูล์ฟอันดับ 18 มี 6 แต้ม ตามหลังหงส์แดงแค่ 4 แต้มเท่านั้น ใช่แล้วครับสถานการณ์แบบนี้มันจะคล้ายกับฤดูกาลสุดท้ายที่คล็อปป์คุมดอร์ทมุนด์เลย
อย่างไรก็ตามหากเรามองในแง่เลวร้ายที่สุด เราก็ต้องมองในแง่ที่มันดีที่สุดด้วย หากหงส์แดงสามารถชนะทั้งอาร์เซนอลและแมนซิตีได้ หงส์แดงจะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้มันเปิดกว้างมากขึ้นทั้งสำหรับสเปอร์ส แมนยู
โดยเฉพาะกับลิเวอร์พูลเอง หากชนะอาร์เซนอลหงส์แดงจะเขยิบแต้มไปห่างจาก 11 เหลือ 8 และห่างจากแมนซิตีจาก 10 เหลือ 7 โดยที่หงส์แดงมีเกมตกค้างในมืออีก 1 เกม และมีเกมที่จะต้องเจอกับทั้งสองทีมอีกทีมละ 1 เกม นั่นหมายความว่าในเชิงทฤษฏี หากหงส์แดงจบ 2 เกมนี้ด้วยการห่างจากโซนตกลุ้นแชมป์แค่ 7-8 แต้ม โอกาสที่พวกเขาจะยังลุ้นแชมป์ก็มากขึ้นทันที
ในฤดูกาลนี้หงส์แดงยังหาเกมที่จะเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขาไม่ได้เลย ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่ที่คล็อปป์พูดถึง คือนักเตะยังไม่ได้เล่นด้วยความมั่นใจ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาทำผลงานได้แย่กับทีมเล็ก ๆ ที่มันลดทอนความมั่นใจได้ง่ายเมื่อคุณไม่ชนะพวกเขา และการแพ้ทีมใหญ่อย่างแมนยูก็มีผลกระทบเช่นกัน
มองในมุมกลับกันหงส์แดงต้องการชัยชนะในบิ๊กเกมสักครั้ง เพื่อยกระดับความมั่นใจของนักเตะและทีม และหากจะมองว่าการเจออาร์เซนอลกับแมนซิตีในช่วงนี้คือโอกาสที่ถูกหยิบยื่นก็ได้ คิดในแง่ดี อาร์เซนอลกับแมนซิตีมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เพิ่งจะลงตัวไม่นาน พวกเขามีโอกาสแข็งแกร่งกว่านี้เยอะในอนาคต การเจอกับพวกเขาในจุดนี้ ก็อาจจะไม่ได้แย่มากอย่างที่คิด
ปีนี้แมนซิตีทำให้เห็นแล้วว่าในเกมเยือนพวกเขาสามารถพลาดแต้มได้ทั้งกับเกมที่ไปเยือนนิวคาสเซิ่ลที่เกือบแพ้และเกมที่ถูกวิลล่าตามตีเสมอได้ในวิลล่าพาร์ค 4 แต้มที่หล่นไปทำให้พวกเขาที่แม้จะยังไม่แพ้ใครในลีกก็ยังตามอาร์เซนอลที่แพ้ 1 เกมแล้วได้ เพราะที่เหลืออาร์เซนอลชนะรวด เช่นเดียวกันแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เห็นแล้วว่าอาร์เซนอลก็เป็นทีมที่แพ้เป็น หากมุ่งมั่นพอที่จะเล่นกับพวกเขา
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับลิเวอร์พูลในสองเกมนี้ก็คือ มันจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นของคล็อปป์จาก 4-3-3 มาเป็น 4-4-2 อย่างแรกคือ คล็อปป์จะกล้าใช้ระบบการเล่นแบบ 4-4-2 ที่เขาเพิ่งติดตั้งให้ทีมในเกมที่ชนะเรนเจอร์สหรือไม่
สุดท้ายแล้วไม่ว่าลิเวอร์พูล อาร์เซนอลหรือแมนซิตี ทุกทีมหนีการประชันนี้ไม่ได้ แต่ทั้งสามทีมรู้เหมือนกันแน่ว่าสถานการณ์นี้สำคัญเพียงใดต่อการลุ้นแชมป์ปีนี้ พวกเขามีโอกาสทั้งเป็นฝ่ายหยิบยื่นโอกาสให้คู่แข่งเสียเองและเป็นฝ่ายที่จะฉกฉวยโอกาสนี้พอ ๆ กัน แล้วเราจะมาดูกันว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร