7 ปีที่หายสงสัย 7 ปีที่คล็อปป์มอบให้

ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว วันที่ 8 ตุลาคม 2015 ชายหนุ่มวัยกลางคน ที่เพิ่งตัดสินใจลาออกจากงานประจำของตัวเองที่สโมสรดอร์ทมุนด์ ได้ตัดสินใจจะเข้ารับงานที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา นั่นคือ การคุมสโมสรที่ร้างจากการเป็นแชมป์ลีกมายาวนานกว่า 27 ปี ในตอนที่เขามาคุม

ปาฐกถาแรกที่เขาบอกกับแฟนบอล เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป้าหมายที่เขาวางไว้นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาไม่ได้สัญญาว่าจะมอบความสำเร็จให้หงส์แดง ไม่ได้บอกว่าจะต้องคว้าแชมป์ให้มากที่สุด เขาบอกเพียงว่า เราต้องเปลี่ยนความสงสัยให้เป็นความเชื่อมั่น

ความสงสัยของหงส์แดง

ผมไม่รู้ว่าคนในยุค 60-80 ยุคที่หงส์แดงเริ่มเกรียงไกรนั้น หลังจากหงส์แดงเริ่มไม่ได้แชมป์ลีกต่อต่อกันนานเกิน 10 ปี ความรู้สึกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เขาอาจจะเชื่อว่าสักวันหงส์แดงจะต้องกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้แน่หรือพวกเขาอาจจะสงสัยว่า เมื่อไหร่จะมีใครสักคนมาพาหงส์แดงคว้าแชมป์ลีกสักที

สำหรับผมที่เริ่มดูลิเวอร์พูลหลังปี ค.ศ เปลี่ยนเข้าสู่ยุค 2000 แล้ว ผมดูลิเวอร์พูลเพราะชัยชนะเหนือ เอซี มิลาน ในเกมนัดชิง UCL ปี 2005 จากนั้นก็ติดตามดูทีมนี้มาเรื่อย ๆ ในเวทียุโรปชื่อเสียงของเราเกรียงไกร แต่ในลีกมันกลับเป็นมืดของเราและเราต้องทนอยู่ในยุครุ่งเรืองของทีมแมนยูฯ เชลซีฯ และต่อมาจนถึง แมนซิตีฯ กระทั่งเลสเตอร์ก็ยังชิงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก่อนเรา

ร็อจเจอร์เคยเกือบทำให้เราถึงฝั่งฝันได้ เจอร์ราร์ดเคยเกือบคว้าแชมป์ลีกได้ เราได้แค่จดมันวันเวลานั้นได้แค่นั้น หลังจากนั้น แสงสว่างแห่งความหวังก็ริบหรี่ลง ผลงานของพวกเราตกต่ำลงเรื่อย ๆ ไม่เท่านั้น เรารู้สึกว่า ขนาดทีม คุณภาพผู้เล่นของเราเองก็กำลังตกต่ำลงไปเช่นกัน หงส์แดงกำลังจะกลายเป็นเพียงทีมเล็ก ๆ ในเกาะอังกฤษอย่างนั้นหรือ

ชื่อเสียงของผู้จัดการทีมคนใหม่ของเราดังไกลทะลุขวดเบียร์มาจากเยอรมัน เขาคือคนที่พาทีมอย่างดอร์มมุนด์โค่นบัลลังค์ของยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เยิร์นมิวนิค พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัยติด เข้าชิง UCL ด้วย เขาคือคนที่ปลุกปั้นนักเตะอย่างเลวานดอฟกี้ ขึ้นมา และมีสไตล์การเล่นที่โดดเด่นมาก

ใช่แล้วทันทีที่คล็อปป์เข้ามาคุมทีมหงส์แดงเขาเปลี่ยนความสงสัยของเรา เพียงแต่เปลี่ยนมันเป็นความตื่นเต้น และคาดหวังเท่านั้น กุนซือที่ว่ากันว่าเซอร์อเล็กเฟอร์กูสันชื่นชอบอยากให้มาสานงานต่อที่แมนยู ได้ย้ายมาคุมทีมหงส์แดงของเรา นั่นจุดประกายความหวังของเราได้มาก

ความสงสัยข้างในมันถูกกดทับไว้ แต่มันก็พร้อมจะดันออกมาได้ทุกเมื่อ ในระหว่างที่คล็อปป์คุมทีมนั้น เรามีฉายาที่คนนอกตั้งให้มากมาย ที่ล้วนกระตุ้นความสงสัยนั้นขึ้นมาเช่น เราเป็นทีมโรบินฮูด “ปล้นแต้มทีมใหญ่แจกแต้มทีมเล็ก” หรือ เราเป็นทีมที่เน้นสุขภาพไม่เน้นถ้วย

ก่อนปี 2018-2019 เราเข้าชิงกี่ถ้วยก็แพ้หมด แพ้เซบีย่าในยูโรป้า แพ้เกมลีกคัพให้กับแมนซิตี แพ้มาดริดในยูซีเอล ทุก ๆ ครั้งที่เราพลาดแชมป์คล็อปป์ก็ได้แต่พูดว่า แล้วเราจะกลับมาอีกครั้ง ยิ่งในเกมลีกเรายังห่างจากคำว่าแชมป์มาก ต้องใช้คำว่าจบอันดับสี่แบบฉิวเฉียดมาทุกปีก่อนหน้านั้น

จู่ ๆ ปี 2018-2019 ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่คล็อปป์ก็ประกาศออกมาว่า เราพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีกในปีนี้ เป็นการประกาศตัวครั้งแรกถึงเป้าหมายที่แฟนบอลทุกคนรอคอย และมันออกมาจากปากของผู้เป็นผู้จัดการทีมของเราเอง แถมมันยังเป็นครั้งแรกด้วย ทีมที่ไม่จบแม้กระทั่งอันดับสองอันดับสามใน 2 ปีก่อน ประกาศว่าจะท้าชิงกับซิตี

ผมจะถามคำถามเดียวกันนี้กับเพื่อน ๆ ที่อ่านบทความว่า “คุณเริ่มเปลี่ยนจากความสงสัยมาเป็นความเชื่อมั่นเมื่อไหร่” สำหรับผมไม่รู้ว่ามันช้าหรือเร็วไป แต่มันคือวันที่คล็อปป์ประกาศว่าจะเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีกกับแมนซิตีในต้นฤดูกาล 2018-2019 นี่แหละ ที่ทำให้ผมเกิดศรัทธาขึ้นมาจริงๆ ว่าเรากำลังจะได้แชมป์ลีกหรือแชมป์อะไรสักอย่างในปีนั้น

7 ปีที่หายสงสัย

นับตั้งแต่วันที่ผมเกิดศรัทธาขึ้นมาในปี 2018-2019 นั้น คล็อปป์ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย ไม่ว่าจะมุมไหน ในมุมของผู้แพ้ต่อแมนซิตีในการลุ้นแชมป์ลีกเพียง 1 แต้ม ถึง 2 ครั้งสองคราในปี 2018-2019 และปี 2021-2022 ในมุมที่เราเข้าชิง UCL กับมาดริดแล้วแพ้อีกครั้งในปีล่าสุด

หรือในมุมที่เราคว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 6 อย่างยิ่งใหญ่ ในมุมที่เราคว้าแชมป์สโมสรโลก ในมุมที่เราคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี ในมุมที่มีลุ้นคว้า 4 แชมป์ในปีล่าสุด ไม่ว่าในมุมไหน ๆ ตั้งแต่ความสงสัยมันหมดไป มันไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย แม้ในช่วงที่เรากำลังย่ำแย่กับการล้มลุกคลุกคลานของต้นฤดูกาลนี้ เราก็ยังไม่มีความสงสัยเกิดขึ้น

ความสงสัยที่ว่าคือ “ความสงสัยในตัวคล็อปป์” นะครับ มันไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย เราต่างเชื่อว่า ภายใต้การทำทีมของคล็อปป์เขาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ทีมเสมอ สำหรับผมมันคือความเชื่อใจไปจนจบ เชื่อในทุก ๆ การตัดสินใจ เชื่อในทุก ๆ ผลลัพธ์ เชื่อในทุก ๆ กระบวนการของทีมที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของคล็อปป์ ถามว่าจากนี้ไปอีก 1-2 ปีก่อนหมดสัญญาเราไม่ได้แชมป์เลย เราจะยังเชื่อในคล็อปป์ไหม สำหรับผม ผมยังเชื่อมั่นเต็มที่

7 ปีที่คล็อปป์มอบให้

ตลอดการทำงาน 7 ปีของคล็อปป์เขาคว้าแชมป์ 6 เมเจอร์ใหญ่ครบทุกถ้วย แชมป์เปียนส์ลีก, ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ, สโมสรโลก, พรีเมียร์ลีก, คาราบาวคัพ, เอฟเอ คัพ โดยใช้ผู้เล่นทั้งหมด 104 คนในทุกราย และโรแบโต้ ฟีร์มิโน่ คือนักเตะที่คล็อปป์ใช้งานมากที่สุด 330 เกม

มีนักเตะกว่า 51 ที่สามารถทำประตูได้ในยุคของเขาแบบไม่ซ้ำหน้า และแน่นอนว่า โม ซาลาห์ คือนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในยุคของเขา 161 ประตู คล็อปป์นำทีมลงเล่นไปแล้ว 392 เกม และเอาชนะได้ถึง 244 เกม ซึ่งเป็นสถิติการชนะที่เหนือกว่ากุนซือคนไหนของทีมที่คุมทีมถึง 400 เกม

นอกจากนั้นคล็อปป์ยังพาทีมเก็บแต้มถึงหลัก 300, 400 และ 500 แต้มในลีกได้เร็วกว่ากุนซือคนไหน ๆ ในประวัติศาสตร์ของสโมสร มีสถิติการทำประต่อเกมสูงถึง 2.08 ประตูต่อเกมมากกว่ากุนซือของหงส์แดงในรอบ 126 ปีเลยทีเดียว เขาพาทีมเล่นในเวทียุโรปถึง 76 เกมเป็นรองแค่ราฟาเอล เบนิเตส ที่พาทีมเล่นเกมยุโรป 85 เกม

คล็อปป์สามารถทำให้ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครในแอนฟิลด์ในเกมลีกยาวนานถึง 1,369 วัน นับตั้งแต่เมษายนปี 2017 ถึง มกราคมปี 2021 แถมยังพาหงส์แดงไม่แพ้ใครนอกบ้านถึง 21 เกมตั้งแต่มกราคมปี 2019 ถึง กุมภาพันธ์ปี 2020 กลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสร เช่นกันกับสถิติไม่แพ้ใครในลีกนานสุด 44 เกมตั้งแต่มกราคมปี 2019 ถึงกุมภาพันธ์ปี 2020

เราไม่อาจบอกได้ว่าเขาคือกุนซือที่เก่งที่สุดของหงส์แดงในรอบร้อยปี เพราะแท้จริงแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรแห่งนี้มายังไม่เคยมีกุนซือคนไหนสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับทีมได้มากมายเท่าเขาเลย ชายผู้เปลี่ยนสิ่งที่ยากที่สุดได้ คือเปลี่ยนจากความสงสัยในตัวเขาเป็นความศรัทธาและความรักในตัวเขา