เมื่อคล็อปป์ยกธงขาว แล้วชาวหงส์จะลุ้นอะไร

“ตอนนี้เราคงไม่พูดถึงการลุ้นแชมป์แล้ว มันคงบ้ามาก ถ้าผมจะมานั่งตรงนี้ หลังจบเกมแบบนี้ แล้วพูดว่าไม่นะ เรายังมีลุ้นแชมป์อยู่” เป็นคำพูดของคล็อปป์หลังเกมที่บุกไปแพ้อาร์เซนอล 3-2 เมื่อคืนที่ผ่านมา ภายหลังจากบทสัมภาษณ์นี้ออกไป นักข่าวทั้งเทศและไทยต่างพาดหัวข่าวเป็นไปในทางเดียวกันว่า “คล็อปป์ยกธงขาว” ยอมรับทีมหมดลุ้นแชมป์แล้ว

จะตีความแบบนั้นก็ไม่แปลกอะไรครับ การเก็บได้เพียง 10 แต้มจากการลงสนาม 8 เกมแรก คือผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปีของหงส์แดง นั่นก็คือฤดูกาล 2012-2013 การคุมทีมปีแรกของแบรนเดอร์ ร็อดเจอร์ ปีนั้นหลังผ่านไป 8 เกมหงส์แดงเก็บได้เพียง 9 คะแนน โดยปีนั้น 5 เกมแรกหงส์แดงไม่ชนะเลย แพ้ไปถึง 3 เกม และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7

ผมยังไม่มีข้อมูลว่ามีฤดูกาลไหนบ้างในยุคพรีเมียร์ลีกที่หงส์แดงออกสตาร์ท 8 เกมแรกแล้วเก็บได้แค่ 10 แต้ม แล้วสามารถจบฤดูกาลด้วยท็อฟโฟร์ แต่ที่แน่ ๆ มันไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่เราเริ่มต้นได้แย่ขนาดนี้แล้วจะจบลงด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ก็แน่อยู่แล้วเพราะเราเพิ่งคว้าแชมป์ได้ 1 ครั้งเมื่อปี 2019-2020

ในฤดูกาลนั้น ลิเวอร์พูลเริ่มต้นด้วยการชนะต่อเนื่อง 8 เกมแรกคว้า 24 แต้มเต็ม แถมยังชนะ 26 จาก 27 เกมแรกได้ แล้วนำยาวจนเข้าป้ายคว้าแชมป์ในที่สุด เมื่อมองจากผลงานปีนี้และผลงานของทีมอื่น ๆ เช่น อาร์เซนอล แมนซิตี กระทั่งสปอร์ส โอกาสที่เราจะทำคะแนนแซงแล้วคว้าแชมป์ได้ในที่สุดมันยากมากในฟุตบอลยุคสมัยใหม่

ลิเวอร์พูลตามหลังอาร์เซนอล 14 แต้ม ตามหลังซิตี 13 แต้ม ตามหลังสเปอร์ส 10 ตามหลังเชลซี 6 ตามหลังแมนยู 5 แม้จะแข่งน้อยกว่าอาร์เซนอลและซิตี 1 เกม แต่บวกลบแล้วช่องว่างก็ยังห่างอยู่ดี และอันที่จริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่ช่องว่างของคะแนนครับ ที่ทำให้คล็อปป์หลุดปากออกมาว่าหมดลุ้นแชมป์

ปัญหามันอยู่ที่ หงส์แดง เรามีปัญหาที่ต้องแก้มากมายเหลือเกิน และแต่ละปัญหาก็ต้องใช้เวลา นี่ต่างหากที่เป็นตัวประเมินชั้นดีว่าทำไมคล็อปป์ถึงยกธงโดยง่าย เพราะหากทีมมีผลงานที่ดี นักเตะฟิต พร้อม การเล่นเข้าล็อคลงตัว คล็อปป์คงไม่พูดแบบนี้

ถามว่า คล็อปป์ยกธงเร็วไปไหม โลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ คำพูดนี้ก็ถูก โลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นง่ายจริงไหม ลองจินตนาการง่าย ๆ แบบไม่อคติว่า ทีมที่เอานักเตะอายุแตะเลข 3 ลงเป็นตัวจริงกว่า 8 คน เราจะให้นักเตะอายุขึ้นเลขสามแบกทีมไปทั้งฤดูกาลได้หรือไม่

ไม่รวมนักเตะบาดเจ็บ นักเตะใหม่ยังไม่เข้าระบบ ระบบยังไม่แน่นอน นักเตะตัวหลักก็พากันฟอร์มตก และอีกสารพัดที่เราเหล่าแฟนบอลและคนนอกคงไม่รู้รายละเอียดมาก การที่ปัญหามันจุกจิกขนาดนี้จะแพ้ยังไงให้ทันก็เป็นเรื่องยากแล้ว จะแก้ได้หรือเปล่ายังอีกเรื่องหนึ่ง นี่จึงไม่แปลกเลยที่หลังจากแพ้อาร์เซนอลแล้วคล็อปป์จะถอดใจยอมแพ้ในเกมลีก เช่นกันหากเราชนะหรือเสมอได้ ผมว่าคำตอบมันจะต่างออกไป

ไม่ลุ้นแชมป์แล้วจะลุ้นอะไร

หลังจากคว้าแชมป์มากับหงส์แดงจนครบทุกรายการแล้ว แว่วมาจากนักข่าววงในว่าอันที่จริงคล็อปป์เองก็หมดความท้าทายกับทีมไปพอสมควร ส่วนสาเหตุที่ยังรับงานต่อ เพราะเขาอยากสานต่องานที่ทำไว้ อยากสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมา วางระบบรากฐานให้กับทีมในระยะยาว

อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านนักเตะจากชุดหนึ่งไปอีกชุดหนึ่งมันมีระเบียบแบบแผนอย่างไร นี่เป็นงานหนัก งานละเอียด ถ้าคล็อปป์สามารถทำมันได้จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับลิเวอร์พูลในระยาวมาก ผู้บริหารทีมจะมีแบบแผนในการสร้างทีมแบบไม่รู้จบเลย และเราจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นในระดับที่ใกล้เคียงกับบาร์เซโลนาหรือเรอัลมาดริด ที่สามารถสร้างทีมขึ้นมาใหม่มาทดแทนได้เสมอ ๆ

บางคนอาจจะบอกว่าง่ายมาก ก็แค่เจ้าของทีมยอมจ่ายเงินหนัก ๆ ซื้อนักเตะมาเยอะ ๆ ทดแทนกันเข้าไปมันก็เปลี่ยนผ่านได้แล้ว คือเรามองจากมุมของแฟนบอลที่มีฐานเงินเดือน 15,000 ถึง 30,000 เราคงไม่เข้าใจวิธีคิดและการดำเนินธุรกิจของเศรษฐีพันล้าน แน่ ๆ

ไม่ได้เข้าข้างเจ้าของทีม เพราะเชื่อว่าทุกคนก็หงุดหงิดที่สโมสรเรามักจะช้าไปหนึ่งก้าวเสมอเรื่องการเสริมทัพ เข้าสำนวนไทย วัวหายล้อมคอก ประจำ ต้องบอกด้วยว่าไม่ใช่แค่ระดับผู้บริหาร แม้แต่คล็อปป์เองก็มีจุดนี้เหมือนกัน ที่จะไม่ยอมมีนักเตะในทีมล้นเกิน ดังนั้นหากเราพยายามเข้าใจในภาพรวมว่า พวกเขาคงกำลังมองหาโมเดลการต่อยอดความสำเร็จจากสโมสรแบบใหม่ ๆ มันก็ไม่ผิด เพราะนี่เป็นประสบการณ์แรกของทั้งคล็อปป์และผู้บริหารที่พวกเขาจะเรียนรู้ร่วมกัน

จึงไม่แปลกหรอกครับที่ช่วงก่อนหน้านั้นตอนทีมทำผลงานแย่ติดต่อกันคล็อปป์ถึงกล้าพูดว่า ตัวเขาไม่โดนปลดหรอก เพราะผู้บริหารเข้าใจ และปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขได้ การปลดคล็อปป์แล้วตั้งกุนซือใหม่ เราอาจจะกลับมาเล่นดีเลยก็ได้ แต่ปัญหาคือ มันคือการกลับไปนับหนึ่งใหม่ใช่ไหม เราต้องลงทุนผู้เล่นใหม่ แนวทางการเล่นใหม่ รีเซ็ตใหม่ แบบนั้นจะคุ้มไหม ถ้าเช่นนั้นเราก็แทบจะต่อยอดอะไรจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของคล็อปป์ไม่ได้เลย

ฉะนั้นการที่ซีอีโอของสโมสรออกมาบอกว่า ต่อให้คล็อปป์ไม่จบท็อปโฟร์เลย พวกเขาก็ไม่ปลดคล็อปป์เด็ดขาด นี่อาจจะเป็นการยืนยันแล้วว่า ลึก ๆ แล้วทั้งคล็อปป์และบอร์ดบริหารต่างมีอะไรบางอย่างที่เห็นพ้องต้องกันแล้วในแง่ของการจะพัฒนาและต่อยอดผลงานที่คล็อปป์ทำมา

กลับมาที่คำถามว่า หากหมดลุ้นแชมป์ลีกแล้ว ปีนี้เด็กหงส์จะลุ้นอะไร ในแง่ของความสำเร็จมันยังมีบอลถ้วยอีก 3 ถ้วย ให้ลงเล่น และในรายการพวกนี้หงส์แดงเองก็ทำได้ดี โดยแทบจะไม่มีแรงกดดันเรื่องการทำแต้มมากดดันเลย ใน UCL สถานการณ์หลังชนะเรนเจอร์สได้ของหงส์แดงค่อนข้างสดใส เพราะอาแจ็กซ์ก็ดันแพ้ นาโปลี ถ้าหงส์แดงชนะเรนเจอร์สอีกและอาแจ็กซ์แพ้อีก โอกาสที่จะเข้ารอบก็สดใสมาก

อีกอย่างที่เราลุ้นได้ก็คือ ตามลุ้นพัฒนาการการสร้างทีมใหม่ของคล็อปป์ ทุกวันนี้ผมนั่งดูเกมหงส์แดงเล่น ถ้าเป็นเกมลีกผมไม่ค่อยสนใจผลการแพ้มากแล้ว ขอแค่จบท็อปโฟร์ได้ผมว่าสุดยอดมากๆ แล้วปีนี้ เพราะนั่นหมายถึงหงส์แดงจะต้องเบียดชนะทีมอย่าง แมนยู เชลซี สเปอร์ส ทีมใดทีมหนึ่งในบั่นปลาย ซึ่งไม่ง่ายนะ

สิ่งที่ผมสนใจมากกว่านั้นคือ วิธีการเล่น พัฒนาการการเล่นของนักเตะแต่ละคนในแต่ละวีค หาความสุขความตื่นตาจากการค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ของคล็อปป์ อยากเห็นวันที่นูเญชระเบิดฟอร์ม อยากเห็นวันที่เอเลียตต์ คาร์วัลโญ่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลัก อยากเห็นนักเตะสายเลือดใหม่เจ๋ง ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต แบบนี้ก็จะดูหงส์แดงปีนี้ได้สนุกมากขึ้น