ต้องยอมรับว่าลิเวอร์พูลปีนี้มาแบบผิดฟอร์มจริง ๆ หากมองจากความคาดหวังของทีมในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ตอนนั้นคล็อปป์ถึงขนาดออกปากว่าทีมชุดที่มีอยู่ตอนนี้คือชุดที่แข็งแกร่งและมีขุมกำลังขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำงานโค้ชมาเลย การได้ตัวนูเญชมาถูกตั้งความหวังไว้สูงมากว่าเป็นการแก้ปัญหาการจบสกอร์แนวรุกที่มีปัญหามานาน
จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 จากนั้นก็ลามไปเรื่อย ๆ สำหรับปัญหาที่หงส์แดงต้องเจอตั้งแต่ต้นฤดูกาล นักเตะบาดเจ็บ อะไม่เป็นรอนักเตะหายเจ็บกลับมาก็คงดีเอง นูเญชไม่ปัง อะ นักเตะใหม่ต้องใช้เวลาเข้าใจได้ นักเตะดูเล่นด้วยความเหนื่อยล้า อะก็เล่นมา 63 เกมในฤดูกาลก่อน เรียกความฟิตสักหน่อยก็ดีขึ้น จนกระทั่งทุกปัญหามันพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
ปัญหาของหงส์แดงตอนนี้ไม่ใช่การแก้เป็นจุด ๆ อีกแล้ว เพราะแตะปัญหานี้ก็จะพ่วงมาด้วยอีก 1-2 ปัญหา พออะไรกำลังจะดีขึ้นก็มักจะมีปัญหาใหม่เข้ามาแทรกให้ปวดหัวอีก ไม่ใช่ว่าคล็อปป์และสโมสรไม่พยายามแก้นะครับ แต่บางปัญหามันยิ่งแก้ยิ่งจน ยิ่งแก้ยิ่งไม่จบไม่สิ้นเสียที
ปัญหาเกมรับทางฝั่งขวา
พาดหัวเรื่องแบบนี้เพราะไม่อยากให้คนพุ่งเป้าไปที่เทรนท์คนเดียว แต่หลัก ๆ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนท์เป็นแกนหลักของปัญหานี้จริง ๆ ปัญหามันมีอยู่แล้ว เรารู้อยู่แล้ว แต่ปีนี้มันสาหัสมาก บวกกับผลงานในการสร้างสรรค์เกมรุกที่เคยเป็นไม้กันสุนัขของเขาก็แทบจะไม่มีเลย จำนวนแอสซิสต์และประตู น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018-2019 ที่เขาขึ้นมาเป็นตัวจริง
เอาเฉพาะในเกมลีกนะครับ ผมจะไล่เรียงให้คุณดูว่ามันย่ำแย่ขนาดไหน ลิเวอร์พูลเสียประตูในพรีเมียร์ลีกปีนี้ 12 ประตู มาจากการเสียโอเพ่นเพลย์ 10 ประตู เสียจุดโทษ 2 ประตู 10 ประตูที่มาจากโอเพ่นเพลย์ล้วนแต่โดนเจาะทางฝั่งขวาทั้งหมด โดยที่เทรนท์มีส่วนทั้ง 10 ลูก จะมากจะน้อยก็มีส่วน โดยเฉพาะไลน์การวิ่ง การยืนตำแหน่ง ที่มีปัญหาหนัก
1 ลูกโทษที่หงส์แดงเสียให้กับฟูแล่มในเกมแรก จุดเริ่มต้นจริง ๆ ก็มาจากการที่เทรนท์เปิดบอลขวางสนามผิดเหลี่ยมแล้วโดนตัดได้กลางสนาม บอลโดนเจาะมาทางเขาก่อนที่ฟานไดจ์คจะสกัดและเป็นลูกจุดโทษ มีเพียงลูกจุดโทษที่ติอาโกทำเสียไปในเกมกับอาร์เซนอลลูกเดียวเท่านั้นที่เทรนท์ไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสนาม แต่ลูกนี้ก็มาจากการโดนเจาะฝั่งขวาเช่นกัน
ดังนั้นโดยสรุป 12 ประตูที่เสียในลีกมาจากการโดนเจาะทางฝั่งขวา โดนมีเทรนท์มีส่วนร่วมกับการเสียประตูถึง 11 ประตู นี่คือปัญหาใจกลางของเกมรับในฤดูกาลนี้ อย่างแท้จริง ช่องหว่างระหว่างเทรนท์กับมาติปหรือใครก็ตามที่มายินตรงนั้นกลายเป็นบ่อ เป็นพื้นที่ให้คู่แข่งเจาะได้ง่าย ๆ
อย่างที่บอกครับไม่ใช่ว่าคล็อปป์ไม่พยายามแก้นะ เบื้องต้นเราคิดว่าเพราะไม่มีเฮนเดอร์สันมาประคอง แต่ถึงแม้มีเฮนเดอร์สันมาประคองมันก็ไม่ดีขึ้นมาก เพราะแค่ตรรกะมันก็ผิดแล้วที่เอานักเตะวัย 31 ปีมาคอยวิ่งประคองนักเตะวัย 23 ปี หากเป็นเฮนเดอร์สันเมื่อสัก 2-3 ปีก่อนอาจจะพอไหว
ปัญหาอาจจะเป็นที่เทรนท์เติมเกมสูงเกินไปทำให้เกิดช่องโหว่ คล็อปป์ก็กำชับเทรนท์ในสองสามเกมหลังไม่ให้เติมเกมสูงมากนัก ปรับแผนการเล่นมาเป็น 4-4-2 เอาเฮนโด้ลงมาต่ำใกล้กับเทรนท์มากขึ้น ก็ยังไม่เป็นผล เพราะสุดท้ายปัญหานี้มันต้องแก้ที่ต้นเหตุจริง ๆ คือตัวของเทรนท์เอง ที่ความมุ่งมั่นและความมั่นใจของเขาหายไปไหนไม่รู้ เหมือนโดนลักพาตัวไป
ไม่ใช่ว่าการแก้ปัญหาเกมรับตรงฝั่งขวาจะเป็นการที่คล็อปป์เปลี่ยนทั้งทีมเพื่อช่วยคน ๆ เดียวนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจคล็อปป์ผิด มันคือการแก้ไขทั้งทีมนั่นแหละ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่แก้ปัญหานี้ได้ เทรนท์สามารถเติมเกมรุกได้เหมือนเดิม ลิเวอร์พูลก็จะเล่นง่ายขึ้นทั้งทีม
พอเทรนท์ฟอร์มตกบวกกับคนรอบตัวเทรนท์ก็ดันฟอร์มตกอีก ไม่ว่าฟานไดจ์คที่ลูกหนักแน่นหายไป การเข้าบอลดูช้ากว่าเดิม อาการจด ๆ จ้อง ๆ แต่ไม่เข้าเสียทีมันเพิ่งจะเกิดขึ้นกับเขาปีนี้ ปัญหาเกมรับมันก็เลยแก้ไม่หายสักที และแทนที่คล็อปป์จะเอาเวลาไปทุ่มกับจุดอื่น กลายเป็นว่า 8 เกมที่ผ่านมา มันต้องมาปวดหัวกับจุดนี้จุดเดียว
ปัญหานักเตะบาดเจ็บ
เราเริ่มต้นเกมลีกด้วยการมีปัญหานักเตะบาดเจ็บประมาณสัก 4-5 คนนะ ถ้าจำไม่ผิดจากนั้นผ่านไป 2-3 เกมรู้สึกจะเพิ่มเป็น 8-9 คน โดยเฉพาะแดนกลาง ที่หายเกลี้ยงจนต้องให้มิลเนอร์เป็นตัวหลักอยู่พักหนึ่ง ต้องไปยืมอาร์ตูร์มาก่อนปิดตลาด ปัญหาดูจะดีขึ้น ได้ติอาโกกลับมา เฮนโด้กลับมา โจนส์ก็ใกล้กลับมา ตอนนี้อาร์ตูร์ก็ดันเจ็บยาว 4-5 เดือนอีก
แนวรุกกว่าเราจะได้โจตากลับมาเล่นให้ทีมได้ก็ปาไปเกมที่ 5-6 ของลีกแล้ว แถมช่วงหนึ่งยังใช้งานนูเญชไม่ได้เพราะโดนแบนอีก คาร์วัลโญ่เด็กดาวรุ่งยังมีช่วงที่เจ็บได้ เอาละจนกระทั่งเราได้พักเบรกทีมชาติเราถึงเห็นขุมกำลังกลับมาดูดีอีกครั้ง ได้เปลี่ยนแผนได้เริ่มต้นใหม่ แต่ยังใช้ชุดเดิมไม่ถึงสองเกมเลย ก็ต้องมาพังอีก
ในเกมกับอาร์เซนอลเป็นครั้งแรกที่คล็อปป์ได้ใช้ 11 ตัวจริง 2 เกมติดต่อกัน ในระบบแผนใหม่ แพ้อาร์เซนอลว่าแย่แล้ว แต่ก็ยังพอทำใจยอมรับได้ แต่ที่ทำใจยากจริง ๆ คือการที่ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญไปอีก 2 คน โดยเฉพาะหลุยส์ ดิอาช นักเตะคนสำคัญในเกมรุกของหงส์แดงเลย ต้องเจ็บและพักไม่ต่ำกว่า 4-6 สัปดาห์ พูดง่าย ๆ คือกลับมาอีกครั้งหลังบอลโลกเลย
อีกหนึ่งคนก็เทรนท์ อาร์โนล์ดที่ยังไม่มีการยืนยันว่าเจ็บหนักขนาดไหน แต่เกมกับเรนเจอร์สกลางสัปดาห์นี้น่าจะหมดสิทธิ์ และเกมกับแมนซิตีก็อาจจะไม่ทัน แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่อยากให้ลงเพราะกลัวโดนเจาะ แต่เทรนท์ก็ยังมีประโยชน์และส่วนสำคัญมากในการขึ้นเกมจากแดนหลัง ไม่รู้ว่าเจ้าหนูแรมซีย์ที่หายเจ็บกลับมาจะได้โอกาสไหม นี่ก็ต้องรอดูกันอีก
ปัญหาซาลาห์
จะมองว่าเป็นปัญหาก็ได้ ไม่เป็นปัญหาก็ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันอย่างหนึ่งตอนนี้ก็คือ ซาลาห์เล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวที่หงส์แดงยอมพังเพดานสโมสรมอบให้เขาเลย 2 ประตูจาก 8 เกมมันน้อยเกินไปสำหรับนักเตะที่แบกรับค่าเหนื่อยระดับนี้และเป็นความหวังของทีม
อีกประการหนึ่งที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นปัญหาไหมก็คือค่าเหนื่อยของเขาที่มากกว่านักเตะคนอื่น เกือบเท่าตัว มันจะทำให้นักเตะคนอื่นรู้สึกแย่บ้างไหม การที่นักเตะตัวหลักที่เคยเล่นด้วยกันมานานทั้งฟานไดจ์ค เทรนท์ โรเบิร์ตสัน พากันฟอร์มตก เหมือนหมดอาลัยตายอยาก เรื่องนี้จะมีส่วนรบกวนจิตใจไหม เหมือนว่าสโมสรให้ความสำคัญกับนักเตะไม่เท่ากัน แล้วจะให้ทุ่มเทเท่ากันได้ยังไง พูดง่าย ๆ ก็คือตอนนี้เพดานค่าเหนื่อยซาลาห์มีส่วนทำลายสปิริตของทีมไหม
คล็อปป์ยังอยู่ในใจของนักเตะไหม
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะหากนักเตะไม่ได้ให้ใจโค้ชเต็มร้อยแล้ว ต่อให้วางแผนดี ซื้อตัวดี มันจะไม่ช่วยอะไรเลย นักเตะชุดนี้เคยวิ่งเพื่อคล็อปป์ เคยบอกว่ารักคล็อปป์เหมือนพ่อ เป็นเจ้านาย เชื่อฟังคล็อปป์ คำถามคือ ปัจจุบันมันเป็นอย่างนั้นไหม หรือมันมีรอยร้าวอะไรบางอย่าง
คนสังเกตเห็นฟาบิญโญ่ในเกมกบัไบร์ทตันว่าทำเป็นไม่ได้ยินหรือตั้งใจไม่ฟังคำสั่งของคล็อปป์ที่ตะโกนมาจากข้างสนาม แล้วนำมาเชื่อมโยงถึงการหลุดเป็นสำรองใน 2 เกมล่าสุด เช่นเดียวกับเกมล่าสุดที่ก็มีหลายคนจับพิรุธอาการของเฮนเดอร์สันตอนถูกเปลี่ยนออกว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ ทั้งสองเป็นนักเตะรุ่นใหญ่เป็นผู้นำในสนาม หากนักเตะระดับนี้ยังมีอาการ มันก็ชวนให้คิดไม่ได้ว่ามันอาจจะมีรอยร้าวข้างใน
แต่ปัญหามันมาจากอะไร ก็จนปัญญาเพราะคงมีเพียงนักเตะและโค้ชเท่านั้นที่จะรู้ บางคนก็เดาว่ามาจากการที่คล็อปป์และบอร์ดบริหารให้ความสำคัญกับซาลาห์มากกว่านักเตะคนอื่น บางคนก็บอกว่า มาจากการที่พักหลังตอนทีมทำผลงานไม่ดีคล็อปป์มักตะระเบิดอารมณ์แล้วมาลงที่นักเตะบ่อยๆ ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยเห็นมันเลยจากที่ผ่านมา
ปัญหาพวกนี้ที่เกิดขึ้นมันพัวพันยุ่งเหยิงกันไปหมด จนจับต้นชนปลายไม่ได้ มองจากฉากหน้าทุกอย่างเหมือนกำลังจะดี แต่พอขยี้ปมไปทีละจุดมีรายละเอียดที่ต้องตามแก้อีกเพียบ ถ้าปัญหามันแค่ 3 ข้อแรกผมว่ามันจะแก้ไม่นาน แต่หากมันพ่วงมาถึงข้อสุดท้ายด้วยแล้วละก็ ผมว่าปัญหาใหญ่ หากนักเตะไม่มีใจให้โค้ชแล้ว ซึ่งบางทีปัญหานี้อาจจะเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข
และอีกจุดหนึ่งที่จะสามารถบรรเทาปัญหาพวกนี้ได้ก็คือ บอร์ดบริหารที่ต้องทุ่มทุนได้แล้ว เงินไม่ได้แก้ปัญหาทุกอย่าง แต่ปัญหาทุกอย่างต้องมีเงินถึงจะแก้ได้ การเสริมทัพตลอด 7 ปีที่ผ่านมามันเป็นการเสริมแบบ พอเพียง เกินไป โบราณว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ตลาดหน้าหนาวยังมีเวลา รีบแก้เกมเสีย ก่อนที่ทีมจะไม่เหลืออะไร แม้แต่คล็อปป์