เดิมพันที่มากกว่าแต้ม 5 ประเด็นน่าสนใจก่อนเกมหงส์เปิดบ้านพบเรือใบ

สี่ทุ่มครึ่งคืนนี้หงส์แดงทีมอันดับ 11 จะต้องเปิดบ้านพบกับรองจ่าฝูงอย่างเรือใบสีฟ้า ที่เกมนี้สำคัญมาก ๆ กับทั้งคู่ และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจก่อนเกมที่เราจะนำมาฝากกัน

สถานการณ์ในลีกของทั้งคู่

สถานการณ์ในลีกของทั้งคู่นั้นถือว่าสุ่มเสี่ยงด้วยกัน ในตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ สำหรับหงส์แดงตอนนี้อยู่อันดับที่ 11 ของตารางคะแนนถือเป็นครึ่งล่างของลีกแล้ว อยู่ต่ำกว่าสองทีมน้องใหม่อย่างฟูแล่ม 2 แต้ม และตามหลังน้องใหม่ที่พวกเขาเคยถล่มเละ 9-0 อย่างบอร์นมัธถึง 3 แต้มด้วยกัน

มองลงมาข้างล่างยิ่งน่ากังวล เพราะหงส์แดงห่างจากโซนตกชั้นเพียงแค่ 3 แต้ม คืนนี้เวสต์แฮมอันดับ 13 ที่มี 10 แต้มเท่ากับหงส์แดงจะต้องไปเยือนเซาแธมป์ตันทีมอันดับ 17 ที่มี 7 แต้ม ลีดส์อันดับ 15 วิลล่าอันดับ 16 ต่างก็จะได้ลงสนามเหมือนกัน ผลแพ้ชนะของทีมเหล่านี้ อาจทำให้หงส์แดงหล่นไปถึงอันดับ 16-17 กันเลยทีเดียว  หากไม่ชนะซิตี

แมนซิตีเองก็ลำบากเหมือนกัน แต่เป็นการลำบากในฐานะทีมลุ้นแชมป์ เกมที่แล้วอาร์เซนอลทีมจ่าฝูงสามารถเอาชนะหงส์แดงได้ ไม่สะดุด มาเกมนี้พวกเขาต้องมาเยือนหงส์แดงเหมือนกัน และอาร์เซนอลเองก็จะได้ลงเล่นก่อนหากชนะลีดส์ได้ก็จะทำแต้มห่างจากซิตีไป 4 แต้ม

ไม่เท่านั้น เมื่อคืนสเปอร์สของน้าคอนเต้ยังชนะเอฟเวอร์ตันทำให้เก็บสามแต้มสำคัญได้ มี 23 แต้มเท่ากับแมนซิตีแล้ว อีกทั้งแมนซิตียังแข่งมากกว่าทั้งเชลซีและแมนยูทีมอันดับ 4-5 ทีมละ 1 เกม หากเกมนี้ไม่ชนะหรือถึงขั้นแพ้หงส์แดง โอกาสที่จะโดนทีมเหล่านี้ไล่จี้มาเหลือ 1-2 แต้มก็มีเหมือนกัน

เล่นเกมจิตวิทยาก่อนแข่ง

ทั้งเป็บและคล็อปป์ขึ้นชื่อเรื่องการใช้จิตวิทยาทั้งในและนอกสนามอยู่แล้ว เป็นประจำทุกครั้งก่อนเกมที่ทั้งสองจะพบกันจะต้องมีนักข่าวเอาไมค์ไปจ่อปากพร้อมถามคำถามแบบที่ให้ทั้งสองคนต้องโชว์กึ๋นและทักษะการตอบอย่างมาก เพราะเกมใหญ่แบบนี้ คำพูดและบทสัมภาษณ์ก่อนเกมมีผลต่อแรงฮึดในสนามไม่มากก็น้อย

เริ่มที่เป็บด้วยเพราะสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้นั้นตารางคะแนนห่างชั้นกับลิเวอร์พูลมากถึง 13 แต้ม ฟอร์มการเล่นก็ถือว่าสม่ำเสมอกว่า นักเตะอย่างฮาแลนด์ก็ระเบิดฟอร์ม ดังนั้นก่อนเกมพวกเขาจึงถูกคาดหวังว่าจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ เป๊บจึงต้องออกมาเบรคแรงกดดันนี้ด้วยบทสัมภาษณ์ยกย่องหงส์แดงว่า

“มันจะเป็นเกมที่ยากและผมไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไหร่ เกมจะถูกกำหนดในสนาม ไม่ใช่จากตารางคะแนน ไม่ใช่เพราะเรานำหน้าหรือตามหลัง ไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านี้ ผมรู้ถึงคุณภาพของพวกเขา และพวกเขารู้ถึงคุณภาพของเรา ถ้ามันเหลืออีก 3 เกม ผมจะบอกว่าพวกเขาไม่สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตารางได้ แต่เส้นทางยังอีกไกล แถมยังมีฟุตบอลโลก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

ขณะที่คล็อปป์เองที่โดนเพ่งเล็งเรื่องการเสริมทัพในของทีมที่ทำให้ทีมไม่ต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา เน้นใช้งานนักเตะดาวรุ่งและไม่มีนักเตะมาทดแทนตัวหลักได้ แต่แทนที่นักข่าวจะถามเรื่องนี้กลับถามถึงการใช้เงินของแมนซิตีแทน ด้วยการบอกว่าลิเวอร์พูลสู้แมนซิตีเรื่องการใช้เงินไม่ได้หรอก

“…ไม่มีใครแข่งกับซิตี้ได้ในเรื่องนั้น พวกเขามีทีมที่ดีที่สุดในโลก และเพิ่งเติมกองหน้าที่ดีที่สุดในตลาดเข้ามา ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ คุณก็แค่เติมมันเข้ามา ผมรู้ว่าซิตี้จะไม่ชอบคำตอบนี้ แต่คุณเป็นคนถามคำถาม และคุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว….ส่วนพวกเรานั้นดูแล้ว ก็ได้แต่พูดว่าจำเป็นต้องได้นั่น ได้นี่ แต่เราต้องพิจารณาเป็นพิเศษ หานักเตะที่อายุน้อยกว่า คนนี้มีแวว คนนี้มีพรสวรรค์ นั่นแหล่ะที่คุณทำได้แล้วต้องทำ และคุณจะสู้กับพวกเขาได้ คุณต้องสู้กับพวกเขาให้ได้”

ผมคิดว่าคำตอบของคล็อปป์ในพักหลังมักจะหลุดและหลงเหลี่ยมนักเตะ อย่างคำตอบข้อนี้ผมมองว่าค่อนไปทางแซะมากกว่า แม้แก่นของมันจะอยู่ในท้ายบทสัมภาษณ์ที่บอกว่าลิเวอร์พูลจะสู้กับทีมอย่างแมนซิตีได้ก็ด้วยการสร้างทีมของตัวเองขึ้นมาจากนักเตะมากพรสวรรค์ ตอบแบบนี้น่าจะดูดีและมีชั้นเชิงกว่า

ปัญหาใหม่ของหงส์

แม้จะเอาชนะเรนเจอรส์มาได้ แต่สภาพทีมโดยรวมของหงส์แดงถือว่าบอบช้ำ ก่อนหน้านั้น หลุยส์ ดิอาช บาดเจ็บในเกมกับอาร์เซนอลจนต้องพักนาน เทรนท์ก็เจ็บ มาติปก็เจ็บ ล่าสุด โกนาเต้ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมลงเป็นตัวจริงให้หงส์แดงได้ในเกมกับเรนเจอร์ส ก็มีข่าวว่ามีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อทำให้ไม่ได้ลงซ้อมกับเพื่อน ๆ และมีโอกาสที่จะพลาดเกมกับซิตีสูง

ถือว่าเป็นงานหนักสำหรับหงส์แดง เพราะโกนาเต้ถือว่าเป็นกองหลังที่แข็งแกร่ง และทำให้งานของฟานไดจ์คเบาลง ความเป็นไปได้หากโกนาเตลงไม่ได้ หงส์แดงมีตัวเลือกสองทางคือ เอา แนท ฟิลิปปส์ ลงมายืนคู่กับฟานไดจ์คเลย ยังคงให้โกเมสเป็นแบ็กขวาต่อไป กับอีกทางคือ หุบเอาโกเมสมาเล่นคู่กับฟานไดจ์คแล้วเอามิลเนอร์ลงมาเล่นแบ็กขวาแทน ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนมันจะกระทบกับการเล่นของทีมแน่นอน

เคยใช้ 4-4-2 กับเรือใบแล้ว

ผมว่าคำถามที่หลายคนอยากรู้มากที่สุดก็คือ เกมนี้คล็อปป์จะยังใช้แผน 4-4-2 ในการเล่นกับเป๊บหรือไม่ หรือจะปรับเป็น 4-3-3 ยิ่งมีกรณีโกนาเต้เจ็บ บางคนอาจจะคิดว่าคล็อปป์คงอยากเพิ่มกองกลางลงไปอีกสักคน แต่ในความคิดผม ผมมองว่าตอนนี้ หงส์แดงไม่จำเป็นต้องมีกองกลางสามคนมาวิ่งไล่ทั่วสนามแล้ว

เพราะกองกลางที่มีมันแก่เกินจะวิ่งไล่แล้ว ตอนนี้คล็อปป์ปรับให้แนวรุก 4 คนเล่นเกมรับตั้งแต่แดนบนไปเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ จากที่ใช้กองกลางไล่บี้เมื่อก่อน ก็ใช้แดนหน้า 4 คนนั่นแหละทำหน้าที่เพรสแดนบน และลงมาช่วยแดนกลางอีกขั้น ส่วนแดนกลางคุมพื้นที่ ช่วยเซ็นเตอร์ ตัดเกม ไป

หากลองไล่ย้อนไปคล็อปป์เองก็เคยใช้แผน 4-4-2 ในการเจอกับซิตีมาแล้ว ย้อนกลับไปในต้นเดือนพฤศจิกายนปี 2020 ลิเวอร์พูลมีคิวต้องออกไปเยือนแมนซิตี เกมนั้นคลอปป์ช็อคแฟนบอลทั้งฝั่งหงส์แดงและเป๊บ ด้วยการนำเอาระบบ 4-4-2 ไปเล่นกับแมนซิตี โดยที่หน้าคู่ตอนนั้นคลอปป์ใช้ซาลาห์กับฟีร์มิโน่ลงเล่นพร้อมกัน

กองกลางสองคนใช้ ไวนัล ดุมกับ เฮนเดอร์สัน ปีกสองคนใช้ ดิโอโก โชตา กับ ซาดิโอ มาเน่ และผลก็คือหงส์แดงสามารถมีแต้มกลับมือได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ไปเยือนเรือใบในเกมลีก เพราะสองครั้งก่อนหน้านั้นหงส์แดงแพ้ราบคาบ

หรืออย่างในเกมคอมมูนิตี ชิลด์กับแมนซิตีก่อนเปิดฤดูกาลนี้ ก็เป็นอีก 1 เกมที่เราเห็นคล็อปป์ปรับแผนการเล่นมาเป็นหน้าคู่ในการเจอกับซิตี้ เมื่อคล็อปป์ส่งดาร์วินลงในสนาม แล้วปรับเป็นหน้าคู่ร่วมกับซาลาห์ จนทีมแซงชนะได้ 3-1 เราก็จะเห็นว่าคล็อปป์เองก็เคยใช้ระบบ 4-4-2 ทำผลงานได้ดีกับการเจอซิตี

นูเญช-ฮาแลนด์ การเปรียบเทียบอีกครั้ง

หลังจากที่การเจอกันในเกมคอมมูนิตี ชิลล์ เป็นทางฝั่งนูเญชที่เปิดตัวได้ร้อนแรงกว่า ฮาแลนด์ จนสร้างความฮือฮามาแล้ว แต่หลังจากนั้นชีวิตของทั้งคู่ก็เป็นเส้นขนาน ฮาแลนด์ทำประตูเป็นปรากฎการณ์ ขณะที่นูเญชดำดิ่งไปกับผลงานส่วนตัวและส่วนทีมที่ไม่ลงล็อกเสียที

แต่หลังจากที่นูเญชพ้นโทษแบนกลับมาแล้วได้ลงตัวจริงต่อเนื่องในระบบใหม่อย่าง 4-4-2 เขาก็เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้น ทำไป 2 ประตูใน 2 เกมล่าสุด ที่สำคัญคือมันมีสถิติหนึ่งที่โผล่มาก็คือ หากนับการทำประตูต่อนาที ดาร์วิน นูนเญช นั้นทำได้ดีกว่า เฆซุส, แรชฟอร์ด และ ซน เฮืองมิน เสียอีก

กล่าวคือ นูเญชทำไป 4 ประตู จาก 498 นาที กาเบรียล เจซุส 5 ประตู จาก 828 นาที มาร์คัส แรชเฟิร์ด 5 ประตู จาก 716 นาที และซน เฮือง มิน 5 ประตู จาก 1,010 นาที นี่เป็นผลงานที่ไม่เลวเลยสำหรับนักเตะใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากลีกนอกอังกฤษ สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมและโค้ชยังไม่เก่ง แถมยังเล่นไม่ต่อเนื่องเพราะโดนแบน 3 นัด

การวนกลับมาเจอกันอีกครั้งของดาวเตะหน้าใหม่ของทั้งสองทีม จึงอยู่ในช่วงกำลังขาขึ้นของทั้งคู่ ฮาแลนด์อาจจะขึ้นไปสูงกว่าดาร์วินแล้ว แต่ก็อย่างที่เป๊บบอก เกมนี้มันจะถูกกำหนดด้วยผลงานในสนาม ไม่ใช่ตารางคะแนนหรืออันดับดาวซัลโว โอกาสที่ดาร์วินจะแก้ตัวและเรียกความมั่นใจกลับมาก็มีเหมือนกัน