โจโก(เมส) แตกทัพเรือ เปิด 4 กลยุทธ์ที่คล็อปป์ใช้หยุดทัพเรือ

เพื่ออรรถรสในการอ่านบทความนี้ อยากให้เพื่อน ๆ ลองไปอ่านบทความก่อนหน้าของผมที่ชื่อว่า “นักมายากลที่ชื่อว่าหงส์แดง”  (ที่นี่) โดยผมเสนอว่า ในเกมฟุตบอลบางครั้งในสถานการณ์ที่คุณตกเป็นรองคู่แข่งทั้งผลงานในสนามและฝีเท้าของคู่แข่ง คุณอาจจำเป็นจำลองตัวเองเป็นนักมายากล เพื่อลวงล่อคู่ต่อสู้ผู้มาเยือน

และเมื่อคืนหงส์แดงภายใต้วิกฤติต่าง ๆ นานา ที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะก่อนเกมที่ได้รับข่าวร้ายว่าโกนาเต้มีอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงเล่นได้ ทำให้เกมนี้ในแง่ของผู้เล่นหงส์แดงจะเป็นรองซิตีอย่างมาก แต่ในแง่ของการแสดงกล มันสร้างความไม่แน่นอนให้ผู้มาเยือนอย่างเรือใบแล้วว่า ลิเวอร์พูล จะเล่นยังไงกันแน่ การแสดงกลของหงส์แดงเมื่อคืนจึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

กลเปลี่ยนแผนปะลอง

การเปลี่ยน ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจของการเล่นกล เช่นกลเปลี่ยนไพ่ในมือ ที่ดูกี่ทีก็สร้างความประทับใจได้ เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เห็น ๆ กันอยู่ไปเป็นอีกอย่าง และในเกมนี้คล็อปป์ก็เปลี่ยนหลายอย่าง อย่างแรกเลยคือการเปลี่ยนตัวนักเตะ โดคยคล็อปป์เปลี่ยนนักเตะจากชุดที่เพิ่งชนะเรนเจอร์ส 1-7 ถึง 5 ตำแหน่ง ส่ง มิลเนอร์ ลงเป็นแบ็กขวา ขยับเอาโจ โกเมส มาเป็นเซ็นเตอร์คู่ฟานไดจ์ค

แบ็กซ้ายให้โรเบิร์ตสันกลับมาประจำการ แดนกลางมีฟาบิญโญ่และติอาโกคอยบัญชาเกมอยู่ ร่วมกับเอเลียตต์ แดนหน้าคล็อปป์เลือก ซาลาห์ ฟีร์มิโน่ และโจตา ลงเล่นร่วมกัน

ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่คล็อปป์ยังเปลี่ยนระบบการเล่นด้วย จากที่เคยใช้ 4-4-2 มาตลอด 3 เกมล่าสุด เกมนี้คล็อปป์กลับมาใช้ 4-3-3 อีกครั้ง แต่เป็น 4-3-3 ที่แปลกตาหน่อย เพราะวิธีการเล่นเหมือนกับตอนที่เล่น 4-4-2 คือตอนตั้งเกมรับหงส์แดงตั้งรับเป็น 4-4-2 บ้าง ให้เอเลียตต์กับโจตาช่วยด้านข้าง

แต่หากต้องการเพรสแดนบนและแดนกลาง ก็ปรับมาเป็น 4-3-3 ให้สามตัวบนคอยไล่ แล้วมี 3 กองกลางคอยประคองอีกชั้น จุดที่ทำให้แผนนี้ยึดหยุ่นมากคือ เอเลียตต์ ตำแหน่งการยืนของเขาปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา สร้างมิติให้กับเกมด้านบน แดนกลางและเกมรับฝั่งขวาให้หงส์แดงอย่างมาก

การเสกร่างทองโจโก

การเสกของ ทำสิ่งที่เหมือนไม่มีให้มี เช่นการ เสกนกพิราบ ออกมาจากหมวก เสกไพ่ออกมาจากอากาศ คือกลยุทธ์ที่สร้างความตื่นตาให้ผู้ชมได้ดี ก่อนเกมหงส์แดงต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อโกนาเตเจ็บลงเล่นไม่ได้ ทำให้เกมนี้คล็อปป์จำเป็นต้องคิดหาทางแก้ไขเฉพาะหน้าและคล็อปป์ก็จัดการเอานักเตะที่ถูกมองว่า “ธรรมดา” ที่สุดสองคนลงเล่นในจุดที่สำคัญที่สุด

หากยังจำกันได้ก่อนเกมที่หงส์แดงจะเจอกับอาแจ็กซ์ในเกม UCL ฟาน เดอ ฟาท ออกมาวิจารณ์นักเตะหงส์แดงแบบเจ็บแสบว่า เฮนเดอร์สัน มิลเนอร์ และโกเมส คือนักเตะธรรมดาที่ถูกยกย่องเกินจริง ประมาณว่าคนทั่วไปโดนตบตา แต่ในเกมนี้ทั้งสองคนทำให้เห็นว่า นักเตะธรรมดา ๆ ก็สามารถเอาชนะเกมรุกสุดโหดของเรือใบได้

เกมนี้โกเมส เข้าขั้นร่างทอง ทั้งความเร็ว การอ่านเกม การยืนตำแหน่ง เขาทำได้ดีตลอด 90 นาทีเลย ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ผมยังขนลุกไม่หาย ไม่ใช่เพราะปวดอึ แต่เพราะฟอร์มการเล่นของโกเมสมันสุดยอดจริง ๆ คืนนี้ เขาสามารถดักทางฮาแลนด์ได้เกือบทุกจังหวะ แถมยังเล่นเกมรับสอดประสานกับมิลเนอร์ที่คืนนี้ก็เล่นได้เก๋าและนิ่งมากด้วย

หลังเกมคล็อปป์ก็ไม่พลาดที่จะตอกกลับคนที่วิจารณ์นักเตะหงส์แดงว่า “โจ โกเมส โคตรโดดเด่นในวันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยเขายอดเยี่ยมมาก  แล้วยังมีเจมส์ มิลเนอร์อีกคน ยอมรับมาเถอะมีกี่คนกันที่แค่คิดก็เสียวแล้วกับสถานการณ์ที่มิลเนอร์ต้องดวลกับโฟเดน พวกคุณส่ายหัวกันใช่ไหม แต่เขาทำได้ แล้วทำได้โคตรดีด้วย เราคงจะต้องหาทางออกเท่าที่มี แต่พวกเขาก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม”

หุบบังโมเข้าที่

การย้ายสิ่งของ ถือเป็นอีกหนึ่งไม้เด็ดของนักมายากล และเกมนี้กุนซืออย่างคล็อปป์ก็ทำการคืนความสุขให้ซาลาห์ ด้วยการย้ายตำแหน่งของเขากลับคืนสู่อ้อมกอดอีกครั้ง หลังจากที่ 2 เกมแรกที่ใช้ 4-4-2 คล็อปป์ถอยซาลาห์กับดิอาชมาเล่นปีก แต่เกมกับเรนเจอร์ล่าสุดที่ซาลาห์ทำแฮทริกได้ในการลงมาเล่นสำรองในตำแหน่งที่ตัวเองคุ้นเคย ก็จุดประกายให้คล็อปป์ในเกมนี้

อันตรายที่แท้จริงของซาลาห์คือการที่เขาได้อยู่ใกล้กับประตู ได้ดวลเดี่ยว ๆ กับกองหลัง ชิงเหลี่ยม ชิงพริบกัน ไม่ใช่การถ่างตัวเองออกจากกรอบประตูแล้วต้องคอยมาพะวงกับการเล่นในพื้นที่แคบ ๆ ริมเส้น ซาลาห์มีสัญชาตญาณตัวจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม การย้ายซาลาห์กลับมาในตำแหน่งนี้ จึงเป็นไม้เด็ดที่สุดของเกมนี้

เพราะการเล่นของซาลาห์สร้างปัญหาให้แนวรับของซิตีตลอดเวลา ลองคิดดูว่าหากวันนี้กองหลังของแมนซิตีเล่นได้ง่าย ไม่เจองานยาก จะเป็นกองหลังและแดนกลางของหงส์แดงเองนั่นแหละที่จะเจอกับความยากลำบาก เพราะไม่ใช่แค่เกมรุก แต่จุดเริ่มแรกของเกมรับมาจากการไล่เพรสแดนบนของซาลาห์กับผองเพื่อนด้วย

เล่นแบบไม่มีจุดอ่อน

การเปลี่ยนแปลงของแมนซิตีในปีนี้คือ การที่พวกเขามีกองหน้าตัวเป้า ทำให้การเล่นฟุตบอลของพวกเขานั้นเน้นบอลไดเรกมากขึ้น ลดการครองเกม การขึงคู่ต่อสู่แบบถ่ายเทบอลไปมา แมนซิตีทำน้อยลง พวกเขาเน้นโจมตีเร็ว โดยมีเป้าหมายอย่างฮาแลนด์เป็นคนพักบอลแดนหน้า

เกมนี้แมนซิตีเองก็ตั้งใจเล่นบอลไดเรกกับหงส์แดงมากเป็นพิเศษ พวกเขาเอาเดอบรอยน์กับกุนโดกัน ที่โดยปรกติจะเป็นนักเตะที่ลงต่ำมาแย่งบอลครองบอลและทำหน้าที่ในการเป็นตัวเชื่อมในการขึงเกมใส่คู่ต่อสู่ มายืนเป็น 3 ประสานในแดนหน้าร่วมกับฮาแลนด์เลย เอาแบร์นาโดกับโพเดนลงต่ำมารับบอลแล้วเล่นเกมเร็ว โดยหวังว่าหากลิเวอร์พูลดันกองหลังขึ้นสูง เดอบรอยน์จะอยู่ใกล้กับเขตโทษและฮาแลนด์มากที่สุด

แต่เกมนี้คล็อปป์แก้เกมวางหมากมาค่อยข้างดีคือ ไม่ดันกองหลังขึ้นสูงเลย แถมยังมีกองกลางที่ครองบอลดีและเล่นเกมรับได้เยี่ยม 2 คนอย่างฟาบิญโญ่และติอาโกยืนประจำหน้ากองหลังอีก ทำให้พื้นที่แนวรับของหงส์แดงค่อนข้างแน่น ไม่มีช่องให้เดอบรอยน์หรือฮาแลนด์พลิกตัวเลย ขณะที่โฟเดนวันนี้ก็โดนเอเลียตต์กับมิลเนอร์และซาลาห์เข้าป่วนบ่วยครั้งจนทำอะไรไม่ออก

คล็อปป์ไม่เปิดพื้นที่ว่างแดนหลังให้ทีมของเป็บเล่นงานจากลูกไดเรกเลย แถมยังไล่เพรสหนักทุกจังหวะ และใช้เกมสวนกลับมาเป็นอาวุธเด็ด ยิ่งช่วงท้าย ๆ เกมที่แมนซิตีต้องทำเกมบุกมากขึ้นเพื่อหวังชัยชนะ ยิ่งเพิ่มโอกาสจากการเล่นเกมสวนกลับของหงส์แดงได้ ประตูชัยก็มาจากการเล่นสวนกลับเร็วจากอลิสซงสู่ซาลาห์ ซึ่งตอนนั้นผู้เล่นของซิตีมากองกันหน้ากรอบเขตโทษหงส์แดงหมดแล้ว

โอกาสและการตัดสินใจ

อันที่จริงหงส์แดงควรจะได้ 3-4 ประตูเป็นอย่างน้อยจากจังหวะสวนกลับเร็ว จังหวะแรกคือจังหวะที่ซาลาห์ลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดปลายมือของแอแดซอน มีโจตาตามมาโล่ง ๆ ทางซ้าย จัหวะนั้นหากซาลาห์ปาดให้ยังไงก็ใส่สกอร์รอได้เลย อีก 3 จังหวะก็มาจากนูเญชที่หลุดไปแต่ละครั้งนั้นมีเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่า แต่เขาเลือกไม่ค่อยดี

แน่นอนว่าจังหวะทั้งสามสี่ครั้งนี้น่าเสียดาย หลายคนอาจจะบ่นนักเตะว่าทำไมไม่ส่ง โดนเฉพาะนูเญช หากเกมนี้หงส์แดงไม่ชนะ จังหวะนั้นจะกลายเป็นหัวข้อข่าววันต่อมาทันที และเขาจะสูญเสียความมั่นใจไปอีก ต้องขอบคุณเกมรับที่ทำให้เรายังชนะอยู่

แต่มันก็มองได้อีกมุมว่า ก็เพราะนูเญชเองก็ต้องการความมั่นใจ เขาก็คงอยากจะทำประตูได้ในเกมใหญ่ เหมือนซาลาห์ จังหวะที่ไม่ส่งให้โจตานั้น มันต่อเนื่องมาเป็นจังหวะที่แมนซิตีทำประตูเราได้ หากจังหวะนั้นฮาแลนด์ไม่ฟาวล์หรือกรรมการไม่สนใจ ซาลาห์ก็จะโดนบ่นไม่ต่างกันเลย

มองในมุมที่ดี การที่นูเญชลงมาแล้วทำผลงานได้ดี มีจังหวะลากเลื้อยที่เป็นจุดเด่นของเขาสมัยค้าแข้งกับเบนฟิกา ให้เห็น ก็แสดงว่านูเญชเริ่มกลับเข้าฟอร์มของตัวเองอีกครั้งแล้ว เขาคงอยากเรียกความมั่นใจเดิม การตัดสินใจเดิม ๆ ที่เคยทำได้กลับมาก่อน ถามว่าจังหวะนั้นหากเขายิงเข้าเองมันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน หรือการจงใจผ่านบอลให้เทรนท์ลูกนั้นก็เป็นวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา ขาดแค่น้ำหนักเท่านั้น

อย่าลืมว่าตอนนี้เรามีเกมให้เล่นอีกเพียบแต่นักเตะเจ็บเพิ่ม โจตาก็มาเจ็บอีกคน การที่นูเญชสามารถเล่นได้ด้วยความมั่นใจแบบนี้ ด้วยฟอร์มที่ดีแต่โดนด่าแบบนี้ผมว่าดีกว่าเล่นไม่ดีแล้วโดนด่า ผมอยากให้นูเญชเล่นเป็นตัวเองแบบนี้ ทำตามสัญชาตญาณ เพราะนี่เป็นสิ่งทีซาลาห์หรือมาเน่ก็ทำ คุณต้องเป็นกองหน้าที่เห็นแก่ตัวในบางครั้ง