เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 10 ของหงส์แดงเป็นการเปิดบ้านพบกับทีมที่ฟอร์มกำลังมาอย่างเวสต์แฮมของน้ามอยส์ ที่ไม่แพ้ใครมา 5 เกมหลังสุด แถมยังเป็นการชนะถึง 4 เกม ขณะที่หงส์แดงเองก็เพิ่งมีความมั่นใจสุดขีดเพราะชนะเรือใบมาเมื่อเกมก่อน ผลก็คือหงส์แดงเปิดบ้านเฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 โดยได้ประตูชัยตั้งแต่นาทีที่ 22 ของเกมจากดาร์วิน นูเญช
แม้จะชนะ แต่ผู้ชมทางบ้านหลายคนกลับออกอาการไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เพราะฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังที่โดนเวสต์แฮมบุกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ แถมไปโดนจุดโทษในครึ่งแรก ดีที่อลิสซงเซฟได้ และการที่มิลเนอร์ช่วยเซฟลูกยิงในช่วงท้ายเกมได้อีก แต่ชัยชนะก็คือชัยชนะ และการชนะเกมนี้ก็มีความหมายและความสำคัญกับหงส์แดงเป็นอย่างมาก
ปลดล็อคนูเญช
สำหรับผมนูเญชคือกุญแจสำคัญสู่อะไรบางอย่างของหงส์แดงในฤดูกาลนี้ หากใครยังจำได้ ตอนที่หงส์แดงชนะไลป์ซิก 5-0 เมื่อปรีซีซั่น ซาลาห์ยกลูกโทษให้นูเญชยิง และเกมนั้นเขาก็ทำคนเดียว 4 ประตู หลังเกมคล็อปป์บอกว่า ซาลาห์เป็นคนเปิดกล่อง แพนโดร่า ของนูเญช ประมาณว่าปีศาจได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันได้อาละวาด ปีศาจตัวนี้ก็ถูกจับโยนลงกล่องแพนโดร่าอีกครั้ง หลังจากโดนใบแดงในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่สอง เจ้าตัวโดนแบน 3 เกม พร้อมกับเสียงด่า บ่นทั่วสารทิศ เป็นแรงกดดันที่กดทับทำให้กล่องแพนโดร่าของเขานั้นแน่นหนาหลายชั้น
แม้นูเญชจะกลับมาได้ แต่เมื่อเปิดกล่องมาอีกรอบเขาไม่ใช่ปีศาจที่น่ากลัวอีกแล้ว ตัวเขาหดเล็กลง และสูญเสียพลังภายในไปเยอะมาก แม้หลังจากกลับมาเป็นตัวจริงได้ระยะหนึ่ง เขาทำประตูได้ในเกมกับอาร์เซนอล แต่ทีมก็แพ้ เขาทำประตูได้ในเกมถล่มเรนเจอร์ส แต่ก็แทบไม่มีผลอะไรเพราะเกมขาด ขณะที่ในการเจอกับแมนซิตี แม้จะโชว์ฟอร์มได้ดี แต่การตัดสินใจสุดท้าย ก็ทำให้เขายังโดนตำหนิอยู่
ดังนั้นแม้จะกลับมาทำประตูได้สักระยะ เล่นดีขึ้น แต่ประตูของเขาก็แทบจะไม่ได้สร้างอิมแพ็คอะไรต่อเกม การที่เขาทำประตูโทน ประตูชัยให้หงส์แดงในเกมกับเวสต์แฮม เมื่อคืน มันจึงเป็นประตูที่สำคัญมาก ยิ่งเมื่อมันเป็นประตูแรกในแอนฟิลด์ของเขาและกลายเป็นประตูชัยด้วย มันยิ่งสำคัญมาก แม้จะมีอะไรต้องปรับอีกเยอะ แต่มันจะเป็นการปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้นแน่
ปลดล็อคแนวรับ
มันไม่ได้หมายถึงว่าเกมรับของหงส์แดงเล่นดี เล่นแข็งแกร่งแล้วนะครับ ก็อย่างที่เราเห็นในเกมเมื่อคืนเลย มันมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เต็มไปหมด การที่อาร์โนล์ดลงมาเล่นเป็นแบ็กขวา มันยังไม่ได้ทำให้เพื่อนร่วมแผงหลังไว้ใจได้ ประกอบกับซิมิกาสเองก็ไม่ได้หนักแน่นรัดกุมเรื่องเกมรับเหมือนโรเบิร์ตสัน
สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ โกเมส ในวันที่เขาต้องทำหน้าที่เกินตัว ในการช่วยประคองเทรนท์ เราจะเห็นว่าเขาทำได้ไม่ดีมากนัก เมื่อเทียบกับตอนที่มิลเนอร์อยู่ เพราะเขาไม่ต้องประคองมิลเนอร์ เลยมีสมาธิในเกมรับของตัวเองมากกว่า ในทางกลับกันเลยมิลเนอร์เป็นฝ่ายมาช่วยประคองเกมรับอีกต่างหาก เราจึงเห็นเลยว่าคืนนี้ร่างทองของโกเมสเริ่มถลอกแล้ว
จังหวะเสียจุดโทษนั้นมันเป็นเรื่องของเหลี่ยมบอล เราสามารถโทษโกเมสได้เลยว่าเข้าไม่ดีพอ เข้าเสี่ยงเกินไป ในขณะเดียวกันเราก็สามารถเข้าใจโกเมสได้ว่า เหลี่ยมนั้น ตำแหน่งนั้นมันเป็นพื้นที่ของฟานไดจ์ค เพราะปกติเขาจะยืนฝั่งขวา การเข้าสกัดด้วยเท้าขวามันจะดีกว่าฝั่งซ้ายที่กลายเป็นการเข้าด้านหลังไป
ในเกมที่เกมรับยังเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด แต่ทีมยังชนะ มันจะช่วยทำให้เกมรับของหงส์แดงกล้าเล่นอย่างมีความมั่นใจมากขึ้น ผมเชื่อว่าหากเกมนี้จบลงที่เราเสมอ 1-1 จากการโดนลูกโทษ โกเมสจะกดดันหนัก แต่การที่ทีมยังชนะก็ไม่มีใครไปสนใจจุดนั้นแล้ว
อลิสซงเล่นด้วยความมั่นใจเต็มที่แม้จะมีจังหวะออกบอลพลาด 2 ครั้งโดนกองกลางเวสต์แฮมดักบอลได้ แต่ก็มาแก้ตัวจากการเซฟจุดโทษได้ ทำให้แค่ 2 เกมเขามีส่วนสำคัญกับชัยชนะของหงส์แดงอย่างมาก แอสซิสต์ 1 เซฟจุดโทษ 1 เก็บคลีนชีทได้ 2 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล และเก็บได้ 3 คลีนชีทจาก 4 เกมหลังสุด
ชัยชนะจะลดความกดดันของแนวรับ เพราะทุกคนพร้อมมองข้ามข้อผิดพลาดอยู่แล้วใครจะไปสนใจว่าซิมิกาสเล่นเกมรับสู้โรเบิร์ตสันไม่ได้ เมื่อเขากลายเป็นแบ็กที่แอสซิสต์มากที่สุดในลีกแล้ว ทุกคนสนใจแค่ว่า เราเก็บคลีนชีทได้ในสองเกมหลังสุดที่โดนบุกกดดันหนักในครึ่งหลัง รักษาสกอร์และผลการแข่งขันได้
สำคัญกับคล็อปป์
ยามทีมชนะเขาจะได้รับคำชมเป็นคนแรก และในยามทีมแพ้เขาก็คือคนแรกที่ต้องแบกความรับผิดชอบ ฤดูกาลที่ออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ เขาโดนกดดันตั้งแต่ 5 เกมแรกในลีก ติดชาร์ตกุนซือที่จะถูกปลด โดนหาว่ามีอาถรรพ์หมายเลข 7 และอีกสารพัดที่คล็อปป์ต้องแบกรับ
ชัยชนะเกมนี้ถือเป็นเกมสำคัญ เพราะแม้ 5 เกมหลังสุดเขาพาหงส์แดงชนะได้ถึง 4 เกม แพ้อาร์เซนอลทีมเดียว แต่ก็ยังถูกมองว่าทีมไม่มีความต่อเนื่อง ชัยชนะเหนือเรนเจอร์สไม่มีใครเอามานับ เหมือนกับว่าความทุ่มเทนั้นไม่มีความหมายหากผลงานในลีกยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ
3 นัดแรกในลีกไม่ชนะใคร 8 นัดแรกในลีกผลแพ้กับชนะเท่ากัน และสามารถชนะต่อเนื่องกันสองเกมได้แค่ 1 ครั้งคือชนะบอร์นมัธกับนิวคาสเซิ่ลที่ก็ถูกมองอีกว่า ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะเป็นเกมที่หงส์แดงควรจะชนะอยู่แล้ว
แต่การพาทีมชนะเรือใบทีมเต็งหนึ่งของทุกรายการ ต่อเนื่องด้วยการพาทีมชนะเวสต์แฮมของมอยส์ที่ฟอร์มกำลังดี มันทำให้ชยัชนะเหนือเรนเจอร์สสองเกมก่อนหน้าถูกนับเข้ามาด้วยในฐานะ ความต่อเนื่องของชัยชนะ และมันทำให้เกมที่แพ้อาร์เซนอลกลายเป็นสถานการณ์ที่ปกติไป
โมเมนตัมของทีม
ลิเวอร์พูลอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน คล็อปป์ปรับวิธีการเล่น นักเตะปรับตัวกันมาก แถมยังต้องลงเล่นแบบโรเตชั่นในช่วงที่โปรแกรมแข่งขันหนัก ๆ อีกด้วย มันมีโอกาสมากที่ทีมจะสะดุด หรือเล่นไม่สม่ำเสมอ ซาลาห์ บางเกมต้องเล่นหน้าเป้า บางเกมต้องเล่นปีกขวา นักเตะอย่างเอเลียตต์ คาร์วัลโญ่ ต้องสลับกันลง ฟาบิญโญ่ สลับกับ เฮนเดอร์สัน ซิมิกาสสลับกับเบิร์ตสัน มันทำให้ทุกเกมทีมต้องปรับการเล่นอยู่เสมอ
การที่ทีมยังสามารถประคองตัวเองให้ชนะและเก็บ 3 แต้มได้ มันทำให้นักเตะที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนก็รู้สึกไม่กดดันไปด้วย ไม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกันเอง เพราะใครลงมาก็ทำให้ทีมไปต่อได้ ไม่สะดุด การแข่งขันเพื่อจะลงตัวจริงก็จะเกิดขึ้นอย่างสร้างสรรค์ภายในทีม
แม้เราจะมองว่าการลุ้นแชมป์นั้นเป็นเรื่องไกลตัว แต่ทีมต้องมีเป้าหมาย เพื่อรักษาโมเมนตัมไว้ในทุก ๆ เกม การชนะ 2 เกมติดทำให้หงส์แดงขยับมาอยู่ที่ 7 แล้ว ตามหลังนิวคาสเซิล 2 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ตามหลังแมนยู 3 แต้ม และตามหลังเชลซีทีมอันดับ 4 แค่ 4 แต้ม
ชัยชนะส่งผลได้ได้ 3 แต้มสำคัญ ทำให้ทีมมีอันดับที่ดีและมองเห็นเป้าหมายที่สูงขึ้น มันก็ทำให้นักเตะมีความมุ่งมั่นขึ้น เกมฟุตบอลนั้นไม่จำเป็นต้องเล่นดี เล่นได้สุดยอดทุกนัด ขอแค่ชนะได้ทุกนัดที่ลงเล่นได้ก็พอแล้ว ต่อให้ใครจะชอบไม่ชอบชัยชนะครั้งนี้ก็ไม่สำคัญ เพราะผลลัพธ์มันดีมาก ๆ กับทีมไปแล้ว