งานไม่ใหญ่แน่นะหงส์
ผมก็ไม่รู้จะนิยามหรือสรรหาคำอะไรมาพูดถึงผลงานของหงส์แดงในเกมที่แพ้ฟอเรสต์เมื่อคืน จนนึกได้ถึง วลี ที่ชาวเน็ตกำลังนิยมกันอยู่ตอนนี้อย่าง “งานไม่ใหญ่แน่นะ วิ” นัยมันคือเรื่องตลกร้าย มันมีงานใหญ่ งานหนัก ที่รอเราอยู่ ขณะที่เพื่อนของเรามักจะบอกเราเสมอว่า ไม่ใหญ่หรอกน่า งานเล็กนิดเดียว ไม่ต้องแต่งองค์ ทรงเครื่องมาก แต่พอถึงหน้างานจริง จะเปลี่ยนชุดก็ไม่ทันการแล้ว
นั่นแหละครับความหมายของสิ่งที่หงส์แดงเจอเมื่อคืน เราเพิ่งชนะ เกมติดในลีกโดยเก็บได้ คลีนชีต เป็นการชนะทีมเต็งแชมป์อย่างเรือใบ และทีมที่กำลังขาขึ้นอย่างขุนค้อน การมาเยือนเจ้าป่าทีมท้ายตารางมันคาดหมายได้อยู่แล้วว่า นี่จะเป็นการกรุยทางไปสู่ชัยชนะ 3 เกมติดได้สบาย ๆ เรียกว่ามองจากมุมไหน เหลี่ยมไหน งานก็ไม่น่าจะใหญ่เลยนะ
เพื่อให้เห็นภาพคุณลองนึกถึงสภาพของฟอเรสต์ปีนี้ ทีมของ คูเปอร์ เป็นทีมที่มีประตูได้เสียติดลบมากที่สุดในลีก คือ ลบ 15 ยิงคู่แข่งได้เพียง 8 ประตู และเสียไปถึง 23 ประตู ในลีกนั้นก่อนเจอหงส์แดงแข่งมา 11 เกม พวกเขาชนะแค่ 1 เกม คือเกมที่พบเวสต์แฮมตั้งแต่เกมที่สอง มีช่วงที่แพ้ติดต่อกันถึง 5 เกม แมนซิตีที่แพ้เรา ก็ยังเคยถล่มพวกเขาไปถึง 6-0
นอกเสียจากหากคุณจะเชื่อเรื่องสถิติตัวเลขว่า หงส์แดงมาเยือนที่นี่ 5 ครั้งหลังสุดไม่เคยชนะเลย แพ้ออกไปถึง 3 และเสมอแค่ 2 แต่หากไม่เชื่อแล้ว คุณต้องคิดใหม่ เพราะบอร์นมัธที่เราเคยถล่มแทะ 9-0 ก็ยังเคยบุกมาชนะที่บ้านของฟอเรสต์ 2-3 ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 7 วันหลังจากแพ้เราด้วยซ้ำ ฟูแล่มเองก็เคยบุกมาชนะที่นี่ 2-3 เช่นกัน อย่างแย่ๆ แม้แต่ทีมวิลล่าของเจอร์ราร์ดก็ยังมีแต้มออกไป อย่าลืมว่าเอฟเอคัพเมื่อปีที่แล้วเราก็เคยบุกมาชนะได้เหมือนกัน
เราต้องมาเสียติอาโก และนูเญช สองคนสำคัญไปในเกมนี้ เป็นเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นหากทีมที่คุณจะลงแข่งด้วยคือ เชลซี อาร์เซนอล สเปอร์ส แมนยู หรือแมนซิตี้ แต่กลับเกมนี้ผมคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นแล้ว ยิ่งเมื่อเรามาเจอกับทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงทีมหนักกว่าเราเสียอีก
ฟอเรสต์ซื้อผู้เล่นเข้ามาใหม่ถึง 21 คนเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีก นักเตะชุดใหญ่ที่ลงเล่น 11 ตัวจริงเมื่อคืน มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่มาจากชุดที่เลื่อนชั้น คุก, แมคเคนน่า และ เยตส์ นอกนั้น 8 คนในสนามคือนักเตะที่เพิ่งจะมารู้จักกันไม่ถึง 3 เดือน ขณะที่หงส์แดงเรามี อลิสซง, ฟานไดจ์ค, โกเมส, โรเบิร์ตสัน, ฟาบิญโญ่, ซาลาห์, เฟอร์มิโน่, มิลเนอร์, โจนส์ ที่เล่นด้วยกันมานานกว่า 4-5 ปี
คุณจะบอกว่านักเตะหงส์แดงอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านยังเล่นไม่เข้าขากันไม่ได้ กับทีมที่มีนักเตะใหม่ในทีมถึง 8 คนลงเล่นกับเรา ลำพังการขาดนูเญชและการต้องส่งโจนส์ลงมาแทนติอาโกแบบเร่งด่วนไม่ได้ซ้อมมาก่อน น้ำหนักมันไม่เพียงพอเลย โอเคมันอาจจะมีผลกับการเล่นบ้าง แต่อย่าลืมว่า คุณภาพนักเตะตัวหลักของเรา 8-9 คนในทีมมันคือชุดที่เราบดขยี้คู่แข่งมานักต่อนักแล้ว
ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ ไม่มีใครในทีมหงส์แดงรวมถึแฟนบอลที่จะกล้าพูดได้เต็มปากว่า “เราทำเต็มศักยภาพของเราแล้ว” ไม่มีเลย ไล่ตั้งแต่คล็อปป์ลงมาถึงนักเตะรายตัว ทุกคนพูดถึงข้อผิดพลาดที่เกิดและบอกว่าจะแก้ไข และบอกว่าจะทำให้ดีขึ้น แต่ไม่มีใครที่กล้ามองหน้าแฟนบอลแล้วพูดออกมาว่า ทำได้เต็มศักยภาพของตัวเองเลย
เรื่องเดียวที่รับไม่ได้เลย วิ
ผมใช้คำว่า “เต็มศักยภาพ” เพื่อเลี่ยงคำว่า “เล่นอย่างไม่มีใจ” ที่ดูจะรุนแรงกว่า เพราะนั่นคือเรื่องเดียวที่แฟนบอลยอมรับไม่ได้ คือการที่คุณสวมเสื้อหงส์แดงแล้วไม่สู้ ไม่ลงไปเล่นอย่างเต็มศักยภาพของคุณเอง ไม่ว่าเหตุผลมันจะคืออะไรก็ตาม
ฟอเรสต์นั้นแพ้ 7 นัด หลังแพ้ต่อฟูแล่มมีข่าวออกมาว่าคูเปอร์อาจโดนปลด แต่สิ่งที่สโมสรทำคือ ต่อสัญญาคูเปอร์ซะเลย เพราะถึงแม้ฟอร์มจะแย่ แพ้ขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่คูเปอร์และลูกทีมของเขาแสดงออกมาตลอดคือ พวกเขามีความมุ่งมั่นเต็มร้อยทุกนัด คำว่าทุกนัดในที่นี้หมายถึงทุกนัดที่พวกเขาลงเล่นจริง ๆ นี่คือสิ่งที่แฟนบอลเจ้าป่าไม่เคยสงสัยในทีมเลย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดตัวด้วยการแพ้ 2 เกมติด จนเทน ฮาก เก้าอี้ร้อน แต่สิ่งที่เทนฮากกับลูกทีมทำคือ วิ่งให้มากกว่าเดิม วิ่งให้มากกว่าคู่แข่ง มุ่งมั่นให้มากกว่าคู่แข่ง และพวกเขาก็กลับมารวมเป็นหนึ่งจนสามารถชนะเรา ชนะอาร์เซนอล ชนะสเปอร์สได้ แน่นอนว่าลูกทีมของคูเปอร์ก็กำลังจะได้สิ่งนั้นไปในเกมกับเราเมื่อคืนเช่นกัน พวกเขาอาจจะรวมเป็น 1 ได้จากการชนะลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะพูดว่า “จุดเปลี่ยน” หลายครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนได้จริงเลย หลังจากแพ้แมนยูมาเราชนะบอร์นมัธ 9-0 และต่อด้วยชนะนิวคาสเซิล 2-1 ที่ใครๆ ก็พูดว่าจุดเปลี่ยนมาแล้ว จากนั้นเราก็ออกทะเลไปไกลด้วยข้ออ้างต่าง ๆ นานา เรากลับมาอีกครั้งเมื่อเราชนะแมนซิตีและเวสต์แฮม ใคร ๆ ก็พูดว่า ลิเวอร์พูลเจอจุดเปลี่ยนแล้ว จนเราโยนมันทิ้งในป่า
ความหมายของผมก็คือ ในขณะที่ฟอเรสต์แพ้เยอะ แต่แฟนบอลไม่เคยสงสัยในความทุ่มเทของนักเตะเลย ผมไม่รู้ว่าถึงตอนนี้เราไม่อาจบอกได้ว่าลูกทีมของคล็อปป์ตั้งใจเล่นเหมือนกันทุกเกม เพราะเราเห็นแล้วว่าในเกมกับแมนซิตี พวกเขาเล่นยังไง และมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเกมที่เล่นในคืนนี้
เรื่องนี้ผมมองว่าแทบจะไม่เกี่ยวกับการที่ติอาโกหรือนูเญชลงไม่ได้เลย เพราะ 11 ตัวจริงในคืนนี้กับ 11 ตัวจริงในเกมกับเรือใบต่างกันแค่ 2 ตำแหน่งคือ ติอาโก กับ โจตา ไม่ได้ลง เท่านั้นเอง หากการขาดนักเตะ 2 คนจะทำให้ ความตั่งใจเล่นของทีมดรอปไปขนาดนี้ได้ ผมว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ลองไล่ดูคำสัมภาษณ์ของคล็อปป์หลังเกมนะครับว่าเขาพูดด้วยความผิดหวังขนาดไหน
“สถานการณ์ไม่สู้ดี เรามี 3 เกมใน 6 วัน จำนวนผู้เล่นมีจำกัด และเราไม่มีตัวเลือกตรงกลางสนาม เด็ก ๆ อยากสู้ เราพยายามเต็มที่ เราไม่ใช่แค่มาเจอฟอเรสต์แล้ว หวังว่าจะสร้างโอกาสได้สัก 20 ครั้ง กับรูปแบบการป้องกันของพวกเขา”
“เราได้โอกาสจากลูกตั้งเตะ 7 8 หรือ 9 เราได้ลูกตั้งเตะเยอะมาก โอกาสดีที่สุดในครึ่งหลังคือการโหม่งของเทรนท์ ซึ่งเป็นการเล่นที่ดีมาก ไม่ใช่ว่าฟอเรสต์ป้องกันได้ดีระดับโลก แต่เราเจาะไม่ได้เอง แม้จะมีโอกาส แต่เราใช้จังหวะเหล่านั้นไม่ได้ พวกเราสมควรโดนด่า”
ดังนั้นไม่ใช่ว่าคล็อปป์และทีมงานไม่รู้ว่าฟอเรสต์จะเล่นแบบไหน และจากแผนที่วางมามันก็ชัดเจนว่าลิเวอร์พูลไม่ได้ต้องการจะโหมบุกแบบเอาตาย แต่ขอเพียงมีโอกาสแล้วจบให้ได้ นั่นแหละปัญหา ครึ่งแรกเราสร้างโอกาสได้มากมาย แต่จบไม่ลง คล็อปป์ถึงขนาดพูดว่า
“ผมไม่เคยเห็นเกมที่ทีมหนึ่งมีโอกาส 4-5 ครั้ง แบบที่ต้องได้ประตูจากลูกตั้งเตะ เราแค่จัดการให้ได้ บ๊อบบี้ในครึ่งแรก เวอร์จิล 2 ครั้ง 3 ครั้ง คุณแค่จัดการยิงแล้วเข้านอน การยิงไม่ได้ของเราคือข้อผิดพลาด” จากคำสัมภาษณ์นี้ มันก็ยิ่งชัดเจนว่า คล็อปป์ตั้งใจใช้ลูกตั้งเตะในการเล่นงานฟอเรสต์โดยเฉพาะ
เราซ้อมแผนการเล่นมา เราซ้อมวิธีโจมตีพวกเขามา แต่เมื่อถึงเวลาเล่นจริงเรากลับทำให้มันเกิดเป็นผลไม่ได้ ทุกอย่างดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ เราครองเกมได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้ แต่ฟอเรสต์ก็ยิงตรงกรอบมากที่สุดในฤดูกาลนี้เช่นกัน มันดูขัดแย้งกันไปหมด เราโดนนำก่อน 9 นัดจาก 11 นัด มันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ทุกครั้งที่ลงเล่น เราก็จะคิดว่า “นัดนี้จะโดนก่อนไหม” ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ผมดูฟอร์มการเล่นของเราเมื่อคืน มันไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเลย เราไม่ช่วยกันไล่ ไล่เยาะ ๆ แหยะ ๆ แล้วก็โดนแก้เพรสได้ เราปล่อยให้ฟาบิญโญ่โดนรุมกินโตะแดนกลางโดนไม่มีคนไปช่วยหรือประคองเลย
ปกตินักเตะของเราจะเคลื่อนที่เสอม แม้ยามไม่ได้บอล และส่วนใหญ่จะรู้ว่าใครจะเคลื่อนไปทางไหน เมื่อก่อนเราเลยกล้าที่จะส่งบอลไปที่ว่าง เพราะรู้ว่าจะมีคนเติมมาจุดนั้นแน่ คือไม่จำเป็นต้องจ่ายบอลที่ตัวคนโดยตรง แต่จ่ายไปยังจุดที่เข้าใจกันว่าจะไป มันจึงหนีการประกบของคู่แข่งได้
แต่เกมนี้ เราไม่กล้าจ่ายบอลไปพื้นที่ว่างแล้วให้เพื่อนเติมเลย ราวกับเราไม่มั่นใจว่าจะมีเพื่อนคนไหนเติมไปหรือเปล่า การจะจ่ายบอลออกจากเท้าแต่ละทีดูไม่มีความมั่นใจเลย ความไว ความตื่นตัว และทุก ๆ อย่างเราเคยทำได้ในเกมกับซิตีเราแทบจะไม่ได้เอามาใช้ในเกมนี้เลย แม้จะมีนักเตะจากชุดนั้นอยู่ในทีมถึง 9 คนก็ตาม
ต้องกลับไปย้ำอีกทีว่า ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การออกไปเยือนฟอเรสต์เมื่อคืน ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้คิดได้ว่า เป็นงานใหญ่เลย แต่การที่มันดูเหมือนจะไม่เป็นงานใหญ่ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่จำเป็นต้องเล่นเต็มที่เพื่อทีม มองปัญหาและสิ่งที่ลิเวอร์พูลเผชิญอยู่ตอนนี้ งานมันใหญ่กว่าที่คิดนะวิ
แต่เอาเถอะด่า ๆ บ่น ๆ แบบนี้ สุดท้ายเราก็ต้องเชียร์และให้กำลังใจกันต่อไป เพราะยังไงใจมันก็รักไปแล้วนะวิ แล้วเราก็หวังว่าทีมจะกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกครั้ง