หรือต้องให้คล็อปป์ประกาศบางอย่าง: 4 วิธีปลุกความมั่นใจให้หงส์แดง

“ลุ่ม ๆ ดอน ๆ” คือสถานการณ์ของหงส์แดงนับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 เป็นหลัก ที่บอกว่าลุ่ม ๆ ดอนๆ เพราะก่อนหน้านั้นมันค่อนข้างหนักไปทางลุ่ม ไม่ค่อยเห็นดอนเท่าไหร่ ตอนนี้ลิเวอร์พูลพบระบบที่ใช่ของตัวเองแล้ว เพราะ 6 เกมหลังสุด คล็อปป์ใช้ 4-4-2 เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นเกมกับซิตี ที่อาจจะเป็น 4-3-3 แต่โดยแก่นการเล่นก็ยังยึดกลวิธีใกล้เคียงกัน แต่ปัญหาใหญ่คือพวกเขาสามารถหาความสม่ำเสมอได้เลย

ชนะเรนเจอร์ส 2-0 บุกไปแพ้ อาร์เซนอล 3-2 ไปชนะเรนเจอร์สอีก 1-7 กลับมาชนะซิตีกับเวสต์แฮมต่อเนื่องในเกมลีก แต่สุดท้ายก็ยังต้องมาตกม้าตายกับทีมบ๊วยอย่างเจ้าป่าฟอเรสต์อีก นักเตะแนวรุกที่จะเป็นกำลังสำคัญในระบบใหม่นี้ทั้งดิอาช กับโจตา ก็ดันเจ็บยาวอีก นูเญช กับ ติอาโก สองตัวหลักก็ไม่ได้ลงต่อเนื่องดี ๆ กับเขาสักที นี่แหละครับมันเลยทำให้หงส์แดงไม่สามารถทำผลงานดีต่อเนื่องได้

ปัญหาใหญ่อีกอย่างที่เราเห็นคือ สภาพจิตใจของนักเตะหงส์แดงในแต่ละเกมเองก็ไม่เหมือนกัน เกมกับซิตีวิ่งกันลืมตาย พอมากับฟอเรสต์ดันขี้เกียจวิ่งกันซะงั้น แต่เดิมเราคิดว่ามันเกิดจากอาการล้าที่สะสมมาจากฤดูกาลก่อน นี่ก็ผ่านมาจะ 3 เดือนก็ไม่หายสักที และดูไม่ออกเลยว่าจะหายเมื่อไหร่

หรือบางทีมันอาจเป็นปัญหาเรื่องจิตใจมากกว่า แต่เราไม่คิดว่าจะไม่เกิดกับทีมหงส์แดงชุดนี้ เพราะนกัเตะชุดนี้แสดงสปิริตวิ่งสู้ฟัดกันมา 4-5 ปี ดังนั้นถ้าปัญหามันเกิดจากสภาพจิตใจ มันก็ต้องรักษากันที่จิตใจใช่หรือไม่ และนี่คือ 5 การแก้ไขสภาพจิตใจ ที่อาจจะช่วยให้นักเตะหงส์แดงปลุกความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

ยกเลิกเสื้อเยือนสีขาว

อันที่จริงเรื่องเครื่องรางของขลังมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญของฟุตบอลในสนามเลย แต่แน่นอนว่าเมื่อมันเกิดขึ้นและผู้คนเริ่มพูดถึงมัน มันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจไม่มากก็น้อย นี่เป็นเรื่องของจิตวิทยา และเชื่อไหมครับดันมีงานวิจัยรองรับเป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องของเสื้อผ้าและสีเสื้อ

ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มีการทำโพลสำรวจโดย OnePoll สถาบันวิจัยด้านการตลาดที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ พวกเขาสำรวจความคิดเห็นของคนอเมริกัน 2,400 คน ที่ดูกีฬาทางทีวีหรือไปชมกีฬาที่สนามแข่งขันจริงเป็นประจำได้ผลออกมาน่าว่า 75% บอกว่าตัวเองถือเคล็ดในวันที่มีการแข่งขัน และเคล็ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ 50% บอกว่าพวกเขาสวมเสื้อนำโชค ในจำนวนนี้ 40% ไม่ซักเสื้อนำโชคตลอดฤดูกาล

ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟชื่อดัง มักจะสวมเสื้อสีแดงในการแข่งวันสุดท้ายเสมอ ไมเคิล จอร์แดน สวมกางเกงสมัยเล่นให้ทีมมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโลไรนา ไว้ใต้กางเกงทีมชิคาโก้ บูลส์ ตลอดการเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพให้กับบูลส์ ดังนั้นเครื่องรางมันช่วยสร้างความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ซึ่งจะส่งผลให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น

ตอนที่นักเตะหงส์แดงบาดเจ็บกันเยอะช่วงต้นฤดูกาลคล็อปป์เองยังหลุดปากพูดขนาดว่า สงสัยจะมีแม่มดสาปหงส์แดง และบางทีคำสาปหนึ่งอาจจะเป็นว่า ยามใดที่หงส์แดงใส่เสื้อสีขาวออกไปเยือนคู่แข่ง จะต้องแพ้ ก็เป็นได้ และมันก็เห็นผลชัดเจนทีเดียว เมื่อหงส์แดงใส่ชุดสีขาว 4 ครั้งและแพ้ทั้ง 4 ครั้ง คือแพ้แมนยู 2 ครั้ง ตอนปรีซีซั่น 1 ในเกมลีก 1 แพ้อาร์เซนอล 3-2 และแพ้ฟอเรสต์อีก 1

ไม่ใช่แค่แพ้นะครับ ทุกครั้งที่ใส่เสื้อสีขาวจะต้องมีนักเตะบาดเจ็บเพิ่ม จำได้ไหมครับเกมที่แพ้แมนยู 4-0 ช่วงปรีซีซั่น แชมเบอร์เลนเจ็บต้องพักนานและเพิ่งจะได้ลงเล่นเมื่อคืน เกมแพ้อาร์เซนอลนี่เราเจ็บ 3 คนเลย ทั้งดิอาช อาร์โนล์ด และโจตา พอมาเกมกับฟอเรสต์ยังไม่ทันเตะ ติอาโก หูอักเสบ นูเญชเจ็บน่อง เฮนโด้ไม่ฟิต

ตอนนี้แฟนบอลแค่เห็นนักเตะสวมเสื้อสีขาวเจอคู่ต่อสู้ก็รู้สึกเสียกำลังใจแล้ว เราเลยไม่รู้ว่าบางทีนักเตะหงส์แดงเองก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกันก็ได้ วิธีนี้อาจจะดูงมงาม แต่ทดลองทำก็ไม่เสียหายอะไร จากนี้ไปก่อนบอลโลกหงส์แดงมีคิวออกไปเยือนคู่แข่งอีก 2 เกมคือเกมกับอาแจ็กซ์ใน UCL และ สเปอร์สในลีก ลองเปลี่ยนเป็นสีเขียวขี้ม้าเล่นดู บางทีอาจจะได้ผลดีก็ได้

ขยายสัญญาเพิ่มค่าเหนื่อย

หนึ่งในทฤษฎีที่หลายคนมองว่าเป็นเหตุทำให้นักเตะหงส์แดงสูญเสียสปิริตของทีมไปก็คือ การที่สโมสรขยายสัญญาให้โม ซาลาห์ โดยเพิ่มค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ให้สูงถึง 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าฟานไดจ์คไป 130,000 ปอนด์ ส่วนต่างที่ว่านี้ยังมากกว่าค่าจ้างของนักเตะซีเนียร์คนอื่นๆ อย่างมาติป โกเมส โรเบิร์ตสัน เสียอีก โดยเฉพาะโรเบิร์ตสันที่รับค่าเหนื่อยเพียง 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น

เหนื่อยเท่ากัน แต่ยามรับค่าจ้างกลับไม่เท่ากัน ต่อให้ทีมมีสปิริตดีขนาดไหนเมื่อต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก็คงต้องมีท้อกันบ้าง ซาลาห์เข้ามาเล่นกับหงส์แดงปี 2017-2018 พร้อมกับพวกโรเบิร์ตสัน และไร่เรี่ยมากับนักเตะอีกชุดใหญ่ทั้งฟานไดจ์ค ฟาบิญโญ่ เทรนท์ อลิสซง ฟีร์มิโน่ มาติปแต่จู่ ๆ ซาลาห์มารับค่าเหนื่อยแพงกว่าพวกเขาถึง 1-2 เท่าตัว เป็นใครก็ต้องคิด

เรื่องนี้มันจะมีส่วนไหม ที่นักเตะรุ่นซีเนียร์ทั้งหลายฟอร์มดรอปลงยกแผงแบบพร้อมใจกันร่วงเลย ทั้งโรเบิร์ตสัน ฟานไดจ์ค ฟาบิญโญ่ เทรนท์ ที่ฟอร์มร่วงกันระนาว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง วิธีแก้ก็คงต้องแก้ที่ต้นเหตุ สโมสรต้องแสดงความเคารพและจริงใจต่อนักเตะว่า ถ้าคุณสู้ คุณเหนื่อย และทีมเพื่อทีมมาเท่ากัน ถึงเวลาก็ค้องได้รับก้อนเค้กเท่า ๆ กัน

ไม่เช่นนั้นแล้ว จะมีใครอยากจะวิ่ง อยากจะสู้เพื่อสโมสรอีก นักเตะใหม่ที่ย้ายมาก็คงอยากสตาร์ทค่าเหนื่อยตัวเองสูง ๆ ไว้ก่อน เพราะกลัวว่าเล่นเต็มที่แต่สโมสรไม่เห็นค่า ดังนั้น สโมสรต้องเดินเรื่องขยายสัญญาใหม่กับนักเตะเหล่านั้น และเพิ่มค่าเหนื่อยให้อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม ในระดับที่นักเตะจะพอใจขึ้น

เพราะสโมสรเป็นคนเลือกเองที่จะทำลายกำแพงค่าเหนื่อยให้ซาลาห์ ก็ต้องแบกรับสิ่งที่ตัวเองทำ หรือไม่ก็ต้องยอมรับหากนักเตะมีอาการอย่างที่เห็น และรอจะเสียพวกเขาไปในอนาคตได้เลย ไม่ว่าจะปล่อยฟรีหลังหมดสัญญาหรือการต้องปล่อยขายในราคาถูก ๆ แต่ปัญหาเรื่องค่าเหนื่อยที่ถูกทำลายกำแพงไปแล้ว จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ซื้ออนาคตให้โอกาสนักเตะสายเลือดใหม่

“ถ้าฟานไดจ์คหมดไฟ ก็ให้แนทลง” ผมหมายถึงขั้นนั้นเลย คือถ้าทำแบบนั้น แล้วหงส์แดงอาจจะฟอร์มหลุด และแพ้ยับไปเลยก็ได้ แต่ถ้ามันสามารถแลกกับความมุ่งมั่นของนักเตะในสนาม ผมว่าแฟนบอลอย่างผมยินดีแลก แพ้เพราะนักเตะสู้เต็มที่แต่เป็นเด็ก มันอาจจะดีกว่าแพ้เพราะนักเตะไม่เต็มที่แถมยังเป็นซีเนียร์ซะอีก

ซิมิกาส เนี่ย ใช้งานไปเลย นักเตะโคตรมุ่งมั่น วิ่งจนลิ้นห้อย ให้ลงบ่อย ๆ พัฒนาฝีเท้าไปเรื่อย ๆ ขนาดลงบ้างไม่ลงบ้างยังแอสซิสต์ไปตั้ง 5 ลูก แม้เกมรับอาจจะดูหลวม ๆ บ้าง แต่วิ่งสู้ฟัดนะ จังหวะลงมาช่วยบล็อกลูกยาก ๆ ให้เห็นบ่อย ๆ แดนกลางนี่เฮนโด้ ไม่เจ็บไม่ป่วย ก็เข็นลงไป บายเซติก เนี่ยแววดี ก็เข็นลงไป เพราะไหน ๆ ก็จะเปลี่ยนถ่ายแล้ว ถ้ามันจะย่ำแย่ก็ซื้ออนาคตทีมดีกว่า แล้วเดือนมกราก็จัดกลางแจ่ม ๆ มาให้บอสสักสองตัว

หรือต้องให้คล็อปป์ประกาศบางอย่าง

ผมเสนอให้คล็อปป์ประกาศไปเลยว่า “หากปีนี้ทีมไม่ตดท็อปโฟร์ จะลาออก” ไม่จำเป็นต้องประกาศอย่างเป็นทางการ แต่บอกกับนักเตะนั่นแหละ ทีนี้แหละเราจะได้รู้กันว่าไอ้ที่เล่นๆ กันอยู่เนี่ย เล่นเพื่อโค้ชบ้างไหม หรือกำลังจะเล่นไล่โค้ชกัน นี่อาจจะเป็นไผ่ใบสุดท้าย ที่คล็อปป์อาจจำใจต้องทิ้งมันลงมา แน่นอนว่าหากต้องให้เลือกระหว่างนักเตะกับโค้ชตอนนี้ทีมก็เลือกคล็อปป์อยู่ดี

ปัญหาคือ แล้วนักเตะละเลือกใคร บางทีคล็อปป์อาจจะไม่ต้องการให้ใครมากำหนดชะตาของตัวเอง ถ้าเขาทำทุกอย่างแล้วนักเตะไม่นำพา การเปลี่ยนผ่านทีมก็คงเป็นไปได้ยากกว่าที่เขาคิด และคล็อปป์เองก็คงทนดูผลงานที่ย่ำแย่ของทีมทุก ๆ สัปดาห์ไม่ไหว

ปีนี้เราเห็นทีมในพรีเมียร์ลีกหลายทีมเปลี่ยนผู้จัดการทีมแล้วฟอร์มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แมนยูกับเอริค เทน ฮาก, บอร์นมัธที่พอเปลี่ยนเอาปากเกอร์ออกทีมก็ผลงานดีวันดีคืน เชลซีหลังเปลี่ยนทูเคิลออกผลงานก็แจ่มเหมือนกัน ที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือวิลล่า ที่หลังจากเปลี่ยนเอาเจอร์ราร์ดออกไปไม่ถึง 4 วัน ทีมของพวกเขาชนะแบบถล่มคู่แข่ง 4-0

ทั้งที่เพิ่งแพ้มาสองเกมติด ไม่ชนะใครมา 4 เกมติด ทำประตูคู่แข่งได้แค่ 1 และเสียไป 6 ประตูใน 4 เกมนั้น นักเตะก็นักเตะชุดเดิม แต่พอเปลี่ยนโค้ชก็เล่นแบบมีกระจิตกระใจขึ้นมาทันที หากนักเตะรักโค้ชคนนี้ ยังอยากร่วมงานกับโค้ชคนนี้อยู่ ผมว่าพวกเขาจะต้องวิ่งลืมตายกันเลย หรือหากยังทำแบบเดิมอยู่ก็แสดงว่าที่เล่นกันอยู่นี่หมายความว่าไง

ทั้งหมดเป็นเพียงไอเดียที่ผมคิดออกในช่วงนี้เลย เพราะมองไปทางไหนก็แลดูมืดมน ไม่แน่หากนักเตะที่เจ็บกลับมากันครบ ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ อารมณ์ของเด็กหงส์อย่างผมช่วงนี้ ไม่บ้า…ก็ใกล้บ้า แบบนี้แหละ รีบอ่านกันครับ เดี๋ยวชนะอาแจ็กซ์ผมจะลบละ มาเขียนอวยนักเตะใหม่