ถอด 4 บทเรียนชัยชนะเหนืออาแจ็กช์

ลิเวอร์พูลบุกไปชนะอาแจ็กซ์ถึงถิ่นได้สำเร็จ ตามนาโปลีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่แน่นอนแล้ว แม้จะเป็นชัยชนะถึง 0-3 แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย วันนีเราจึงมาลองถอดบทเรียนจากชัยชนะนัดนี้กัน

ลิเวอร์พูลยังติดเครื่องช้า

ลิเวอร์พูลลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 16 เกมทั้งพรีเมียร์ลีกและ UCL แต่พวกเขาโดนคู่แข่งออกนำไปก่อนได้ถึง 9 เกม แต่สามารถกลับมาชนะได้เพียง 2 เกมคือการชนะนิวคาสเซิล 2-1 และชนะเรนเจอร์ 1-7 แพ้ 4 เกม และเสมอได้เพียง 3 เกม มันสะท้อนถึงวิธีการเล่นของหงส์แดงในช่วงเริ่มต้นเกมได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ได้ละเอียดมากนัก และพร้อมที่จะโดนก่อนได้เสมอ

เช่นเดียวกับเกมเมื่อคืน ช่วง 30 นาทีแรกของเกม ลิเวอร์พูลเล่นได้ไม่ละเอียดเลย จ่ายบอลกันช้า แถมโดนคู่แข่งอย่างอาแจ็กซ์เพรสจนเล่นบอลลำบาก และการโต้กลับก็แทบจะไม่มีเลย อันที่จริงมันเกือบจะเข้าตำราเดิมแล้ว หากลูกยิงชนเสาของอาแจ็กซ์ลูกนั้นเป็นประตู หรือลูกที่เทรนท์ไปช่วยสกัดนั้นเป็นประตู หงส์แดงก็จะเกิดสถานการณ์แบบเดิมอีก

ตอนนี้มันจึงเหมือนกับว่าทุกอย่างของหงส์แดงมันขึ้นอยู่กับประตูแรกเท่านั้นว่าจะเป็นของใคร ซึ่งหากเป็นทางฝั่งคู่แข่งได้ก่อน หงส์แดงก็แทบจะปิดประตูชนะไปเลย แต่ในยามที่หงส์แดงทำประตูนำได้ก่อน 6 เกมพวกเขาก็ปิดประตูแพ้หรือเสมอไปได้เลย

เราเห็นแล้วว่าพอโดนนำ ลิเวอร์พูลก็สามารถเข้าสู่เกมได้ ครองบอลได้ ตีเสมอได้ เพียงแต่มันกลายเป็นการเสียสมดุลและเสียแรงเหนื่อยเพิ่มระหว่างเกมไป ดังนั้นนี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ของหงส์แดงที่ทำให้ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา โจทย์มันมีแค่สองทางคือ คุณต้องขึ้นนำคู่แข่งให้ได้ก่อน หรือไม่คุณก็ต้องไม่เสียประตูให้คู่แข่งขึ้นนำคุณได้ แต่กลายเป็นว่าโจทย์สองข้อนี้ทำได้ยากมากในยุคนี้

ซาลาห์-ฟีร์มิโน่ ต้องการนูเญช

ด้วยการเปลี่ยนระบบการเล่นใหม่ เป็นกองหน้าคู่ และมีปีกสองข้าง มันมีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งคือ ตำแหน่งที่ดีที่สุดของซาลาห์อยู่ตรงไหน ซึ่งจากการทดลองใช้มาสักระยะหนึ่ง ก็พบว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือ กองหน้า ไม่ใช่ปีก เพียงแต่ทุกครั้งที่ซาลาห์ไปเล่นกองหน้า โดยไม่มีนูเญช ในขณะที่ทีมคู่แข่งเล่นเกมรับแน่น ซาลาห์เองก็ทำอะไรไม่ได้เลย

ในเกมกับฟอเรสต์นั้นชัดเจนยิ่ง ซาลาห์เล่นไม่ออกเลย แต่เกมกับอาแจ็กซ์เมื่อคืน เมื่อหงส์แดงได้นูเญชกลับมากลายเป็นว่าเกมรุกของหงส์แดงเล่นได้ดีขึ้น ดุดันขึ้น และซาลาห์เองก็สร้างโอกาสได้มากขึ้น ยิงได้ 1 ประตู และจ่ายให้เอเลียต์ยิงอีก 1 ประตู

ในแง่ของฟีร์มิโน่เองก็เช่นกัน เขาไม่เหมาะจะเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ไปฟัดกับกองหลังของคู่แข่งได้เลย แต่เขาเป็นนักเตะที่มองหาช่องและโอกาสได้ดี มีไหวพริบ ซึ่งนั่นหมายถึงตัวเขาเองก็ต้องการพื้นที่และเวลา รวมถึงนักเตะสักคนที่จะคอยช่วยกันแนวรับของคู่ต่อสู้ได้

ฟีร์มิโน่ถึงจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในการลงมาล้วงบอล ชิ่งบอล สร้างโอกาสให้เพื่อนได้ อย่างลูกที่เขาผ่านบอลไปให้นูเญชในครึ่งแรกนั้น อันที่จริงก็ควรจะใส่สกอร์ได้เลย แต่เพราะยังเล่นด้วยกันไม่บ่อยมาก นูเญช จึงไม่คิดว่าฟีร์มิโน่จะจ่ายมาได้ขนาดนั้น

นูเญชกลายเป็นคนสำคัญแล้ว

แบกรับความคาดหวังสูงตั้งแต่เรื่องค่าตัว แถมยังออกสตาร์ทได้แบบฝันร้ายสุด ๆ ในที่สุดตอนนี้นูเญชก็สามารถพิสูจน์อะไรบางอย่างให้เราเห็นบ้างแล้วว่า ทำไม สโมสรถึงยอมควักเงินกว่า 100 ล้านยูโรไปสู่ขอเขามา นูเญชในเวอร์ชั่นที่มีความมั่นใน มีพละกำลัง แต่ยังไม่เข้าใจแท็กติกมากนัก เขาสามารถสร้างความปวดหัวให้กับกองหลังคู่แข่งได้แทบทุกนัด

จังหวะวิ่งฉีกหนีตัวประกบไปโหม่งลูกเปิดของโรเบิร์ตสันนั้นมันทำให้ผมต้องย้อนกลับไปดูแล้วดูอีกหลายสิบรอบ เพื่อดูให้แน่ใจว่านั่นคือจังหวะที่ยอดเยี่ยมหรือฟลุ๊คกันแน่ เพราะเขาต้องฉีกหนีตัวประกบถึงสองคนเพื่อไปโหม่งลูกนั้น และมันชัดเจนว่าเป็นความยอดเยี่ยมของนักเตะคนนี้

ตอนนี้นูเญชกำลังทำให้เพื่อน ๆ ในทีมไว้ใจ และมั่นใจใจตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ทุกคนในทีมรู้แล้วว่าหากมีนูเญชอยู่ในทีม พวกเขามีโอกาสชนะคู่แข่งได้ มีโอกาสในการทำประตูคู่แข่งได้มากขนาดไหน และคิดว่าการที่นูเญชสามารถโหม่งประตูให้ทีม 2 เกมติดแบบนี้ มันจะสร้างแรงจูงใจให้กับแบ็กของข้างของหงส์แดงแน่

ตอนนี้ผมหวังกับนูเญชมาก คือหวังไว้สูงเหมือนตอนที่หงส์แดงซื้อตัวฟานไดจ์คมาเลย เขาจะกลายเป็นแกนกลางของทีมคนใหม่ และเข้ามาสร้างความมั่นใจให้กับทีมมากขึ้น เหมือนตอนที่ฟานไดจ์คสร้างความมั่นใจว่าหากมีเขาอยู่ในทีม ทีมจะไม่แพ้ แต่นูเญชจะสร้างความมั่นใจใหม่ว่าหากมีเขาในทีม ทีมจะสามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำแน่

ใช้งาน 4-4-2 ยังไม่เต็มที่

แม้จะเปลี่ยนมาใช้ 4-4-2 ได้สักพัก แต่เราจะเห็นได้เลยว่า มันมีรายละเอียดการใช้ที่ค่อยข้างหลากหลาย และไม่ตายตัว อย่างในเกมนี้คล็อปป์เฉลยหลังเกมว่าเขาใช้แผนการเล่น 4-4-2 แต่เป็นแบบไดมอนด์ คือให้ฟาบิญโญ่ยืนต่ำปักหลักหน้ากองหลัง ส่วนเฮนเดอร์สันกับเอเลียตต์ขึ้นไปเป็นกองกลางสองคนแบบยืนหุบเข้าในหน่อย มีฟีร์มิโน่เป็นคนทำเกมอยู่หน้ากองหน้าสองคน

คล็อปป์ให้เหตุผลว่า ที่ใช้แผนนี้เพราะไม่อยากให้นูเญชต้องเป็นปีกซ้ายแล้วออกข้างเกินไป ขณะที่แผนนี้ก็ทำให้เฮนเดอร์สันกับเอเลียตต์โดดเด่นขึ้นมามากในการเติมเกมรุก เฮนเดอร์สันสอดขึ้นไปแอสซิสต์ให้ซาลาห์ได้ 1 ลูก ขณะที่เอเลียตต์ก็สอดขึ้นไปทำประตูได้อีก 1 ประตู

ด้วยทรงการเล่นที่คล้าย ๆ 4-3-3 ในบางจังหวะการเติมเกมของแบ็กหงส์แดงจึงดูไหลลื่นขึ้น  กล้าเติมมากขึ้น โดยเฉพาะทางฝั่งของโรเบิร์ตสันที่ประสานงานกับเฮนเดอร์สันและนูเญชได้ดี จนเป็นที่มาของ 1 แอสซิสต์ของเขาในคืนนี้ ที่ผ่านมาเราได้เห็นวิธีการเล่น 4-4-2 ที่ค่อยข้างหลากหลาย และคล็อปป์เองก็กำลังเรียนรู้การใช้งานและทดลองระบบนี้อยู่

นี่ถ้านับ ๆ มาตั้งแต่คล็อปป์เปลี่ยนมาใช้แผน 4-4-2 ตั้งแต่เกมชนะเรนเจอร์ส 2-0 รวมเกมกับอาแจ็กซ์เมื่อคืนก็ 7 เกมพอดี หงส์แดงชนะมากถึง 5 เกม และแพ้ไป 2 เกมกับอาร์เซนอลและฟอเรสต์ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี เพราะหากย้อนไป 7 เกมก่อนหน้า ลิเวอร์พูลชนะแค่ 3 แพ้ 2 เสมอ 2 มันก็แน่ชัดว่าหากคล็อปป์สามารถจูนระบบใหม่นี้ได้เมื่อไหร่ ผลงานหงส์แดงอาจจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งก็ได้