จาก “ผิดหวังที่สุด” สู่การ “เป็นความหวังที่สุด” ของดาร์วิน นูเญช

ตอนที่คล็อปป์ย้ายมาอยู่หงส์แดงใหม่ ๆ เขามาพร้อมกับวลีเด็ดที่ว่าเราต้องเปลี่ยนจากผู้สงสัย เป็นผู้ศรัทธา และดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีนักเตะคนหนึ่งเดินรอยตามของคล็อปป์ นักเตะที่ว่านั้นก็คือ ดาร์วิน นูเญช นักเตะที่เริ่มต้นด้วยการเป็นความหวังเรืองรองของแฟนบอล จากนั้นก็ตกต่ำสู่ความผิดหวัง และตอนนี้เขาเองกำลังค่อย ๆ เรียกศรัทธาและความวาดหวังที่แฟนบอลมีต่อตัวเขาให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง

ลิเวอร์พูลชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 จาก 6 เกมหลังสุด ที่เปลี่ยนแผนมาเล่นระบบ 4-4-2 โดยใช้หน้าคู่เป็นหลัก เสียประตูให้คู่แข่งไปเพียง 5 ประตู แต่ก็คลีนชีตได้ถึง 3 เกม และทำประตูรวมกันได้ถึง 16 ประตูจาก 6 เกมดังกล่าว นอกจากกองหลัง กองกลาง ที่กลับมาเข้าฟอร์มกันอีกครั้งแล้ว ดาร์วิน นูเญช ก็กลับมาทำผลงาน 4 ประตูจากการลงเล่นเป็นตัวจริง 4 เกมหลังสุด

“นูเญชกำลังมา” เหล่าแฟนบอลอาจจะคิดเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดเลย หรือหลายคนอาจจะมองว่า “นูเญชยังทำได้ดีกว่านี้” หลายคนอาจจะมองว่า “ยังเทียบกับฮาแลนด์” ไม่ได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหน เปรียบเทียบกับอะไรก็ตาม ทุกสิ่งมันเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ผลงานของเขาดีขึ้น

คิดแล้วก็น่าแปลก การปรับตัวช้า และอาการออกทะเลช่วงแรกของการย้ายทีม ดูเหมือนจะเป็น 1 ในเรื่องปกติของนูเญช ฤดูกาล 2019-2020 เขาจากถิ่นฐานบ้านเกิดในประเทศอุรุกวัย มาเล่นในแผ่นดินยุโรปครั้งแรกที่สเปนกับอัลเมเรีย ตอนนั้นค่าตัวของเขาเพียง 1.5 ล้านปอนด์

ช่วงแรกของเขาที่อัลเมเรีย เขาได้ลงเล่นเพียง 45 นาที จาก 11 เกมแรก โดยไม่มีประตูด้วยซ้ำ ก่อนที่ท้ายที่สุดเขาจะกลับมายิงประตูได้ถึง 16 ประตู ใน 29 เกมต่อจากนั้น

ในฤดูกาล 2020/2021 เบนฟีก้าสโมสรชื่อดังในโปตุเกส ยอมทุบสถิติของโสมสรควักเงินกว่า 24 ล้านยูโร เซ็นต์สัญญากับเขามา แต่ 10 เกมแรกที่ลงเล่นเขาทำไปได้แค่ 1 ประตูเท่านั้น และจบฤดูกาลแรกกับสโมสรใหม่ด้วยจำนวนประตูเพียงแค่ 6 ลูก จากการลงสนามไป 29 เกม ก่อนที่จะมากู้ชื่อในฤดูกาลต่อมาด้วยการทำไป 26 ประตูจาก 28 เกมในลีก จนฟอร์มเข้าตาคล็อปป์

ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่สองที่ยอมทุบสถิติสโมสรเพื่อดึงตัวเขามาร่วมทีมด้วยจำนวนเงินถึง 100 ล้านยูโร หมายความว่า ค่าตัวของเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่า เมื่อเทียบกับตอนที่อัลเมเรียซื้อตัวเขามา เมื่อมาอยู่กับหงส์แดงก็อย่างที่เราเห็น ชีวิตเขาเหมือนรถไฟเหาะ

ขึ้นลงรวดเร็วและรุนแรง ออกตัวในปรีซีซั่นได้สวยงามกับการทำ 4 ประตูในเกมกับไลป์ซิก ต่อด้วยยิงแมนซิตีช่วยให้ทีมคว้าแชมป์คอมมูนิตีชิลล์ ก่อนที่จะเป็นช่วงขาลงของรถไฟเหาะที่เขาโดนใบแดงแบน 3 นัด โดนล้อว่าเป็นนิว แคร์โลว์ เคยยโดยประโคมข่าวว่า เบนฟีก้า ย้อมแมวขายให้หงส์แดง ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะผลงานในสนามของเขามันไม่ดีเหมือนที่คนวาดหวังไว้

จะสังเกตว่าในทุก ๆ การย้ายทีมใหม่ นูเญช จะต้องผ่านช่วง ขรุขระ เสมอ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา บางทีเรื่องนี้ สภาพจิตใจอาจจะมีส่วน เพราะเริ่มมีข้อมูลออกมาเยอะเหมือนกันถึงการพยายามอย่างหนักในการช่วยเหลือนูเญชให้ปรับตัวได้ อย่างแรกเลย เขาเป็น Homesick แน่ๆ จากการออกมาให้สัมภาษณ์ของคล็อปป์เอง

อาการนี้ว่ากันว่าเคยเกิดขึ้นรุนแรงมากครั้งหนึ่งตอนที่เขาย้ายจากบ้านมาอยู่กับ เปนนารอล สโมสรอาชีพแรกในบ้านเกิดของเขา มีการเปิดเผยว่าช่วงแรก นูเญช ทนไม่ไหว จนต้องขอกลับบ้าน และเขาคิดจริงจังถึงขั้นว่า อาจจะยุติเส้นทางอาชีพฟุตบอลแล้ว แต่สุดท้ายเป็นสโมสรที่ยังให้โอกาสเขากลับมาและเขาก็ตัดสินใจกลับมาสู้อีกครั้งเช่นกัน

คนพุทธ คนไทย มีสำนวนหนึ่งที่ว่าไว้ว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” อาจจะเข้ากับช่วงชีวิตของนูเญชที่ผ่านมากับหงส์แดง สำหรับผม นูเญชสร้างความประหลาดใจได้ทุกครั้ง ตอนที่เราได้ตัวเขามา ผมจินตนาการถึงเด็กหนุ่มที่เรียบร้อย แต่จากการเอาหัวโขกแอนเดอร์สันมันก็ลบภาพนั้นไปตลอดกาล และเขาดุดัน มีอารมณ์ร่วมกับเกมมากกว่าที่เราคิด

เขาทำให้ผมนึกถึงมาเน่กับซาลาห์ตอนที่ย้ายมาอยู่กับหงส์แดงแรก ๆ คือเป็นกลุ่มนักเตะที่มีพลังแฝงความมุ่งมั่นส่วนตัวอยู่ ความอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ ที่บ่อยครั้งมันแสดงออกมาเป็น การหวงบอล การพยายามจะลากไปยิงเอง การไม่ส่งให้เพื่อนในจังหวะที่ดีกว่า เป็นต้น

มันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายและรวดเร็ว จนบางครั้งเราลืมไปว่านูเญชเองได้แสดงผีเท้าบางอย่างออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถิติการสปริ้นซ์ที่เร็วที่สุดของฤดูกาลในเกมแรกกับฟูแล่มเลย การสร้างโอกาสทำประตูที่สูงที่สุดในทีมเกือบทุกเกมที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริง

ตอนนี้ นูเญชกำลังสนุกกับการไล่ล่าประตู เขาเริ่มทำประตูได้เรื่อย ๆ เขายิงไปแล้ว 6 ประตู จากการเล่น 13 นัดรวมคอมมูนิติชิลล์ ด้วย โดยที่แต่ละเกมนั้น เขาแทบจะไม่อยู่ในสนามครบเวลา นั่นยิงทำให้สถิติการทำประตูต่อจำนวนนาทีเล่นของเขาดูดีมาก ๆ

สิ่งที่แฟนบอลเห็นได้จากพัฒนาการของเขาในช่วง 4-5 เกมหลังคือ สภาพร่างกายของเขาที่ตอนนี้เริ่มแข็งแกร่งมาก การดวลกับกองหลังคู่แข่ง 1-2 คนเขาสามารทำได้ยอดเยี่ยมเสมอ ที่สำคัญคือ ความขยัน เขาพยายามวิ่งหาพื้นที่ รวมทั้ง พยายามวิ่งลงต่ำมาช่วยเกมรับทางฝั่งซ้ายที่เป็นมิติที่น่าชื่นชมเขามาก

การทำประตูได้จากการโหม่ง 2 เกมติด ก็ตอกย้ำว่า เขามีความเป็นกองหน้าตัวเป้าชั้นยอดขนาดไหน กับการวิ่งหาพื้นที่และเอาชนะการประกบจากคู่ต่อสู้ได้ ถ้ามีใครสังเกตดี ๆ ตอนนี้ สีหน้า แววตา และการแสดงออกของเขามันกำลังบ่งบอกถึงความสุข สนุกของเขา เราแทบจะไม่เห็นความกดดันบนใบหน้าของเขาแล้ว

นูเญชไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้แบบก้าวกระโดด เขาแสดงให้เห็นถึงการเป็นนักสู้ เขาฝึกภาษา ยอมรับการแนะนำตักเตือนจากเพื่อน ๆ และที่สำคัญการที่เขามีพี่ชายในอาชีพฟุตบอลอย่าง หลุยส์ ซัวเรส ที่เป็นรุ่นพี่ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร

ดาร์วิน นูนเญซ ออกมาเปิดเผยถึงสิ่งที่เขาได้คุยกับ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงรุ่นพี่ หลังจากโดนใบแดงตั้งแต่เกมนัดที่ 2 ของฤดูกาลว่า “มันเป็นเรื่องดีนะเพราะคงมีไม่กี่คนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาคุณ การกระทำนั้นมันสำคัญกับผมมาก”

“หลุยส์เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างของทุกคนทั่วโลก ผมเพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งซัวเรซรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเพราะเขาเคยเล่นพรีเมียร์ลีกมาก่อน เขาเล่าให้ฟังว่าจะเกิดอะไรในพรีเมียร์ลีกบ้าง พวกเขาจะเข้าหาผมและปะทะกับผม ดังนั้นผมจะทำให้แข็งแกร่งและไม่พลาดซ้ำอีก”

“เขาบอกกับผมว่า ‘ฟังคนงี่เง่าอย่างฉันนะ’ ผมซึ้งกับที่เขาพูดกับผมและความชื่นชอบที่มีต่อตัวผมเช่นกัน”

อย่างน้อย ๆ เรื่องราวที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนูเญชจนพาเขากลับมาสู่การเป็นตัวความหวังของทีมได้ครั้งนี้ มันก็พิสูจน์อะไรบางอย่างที่เป็นคาแรคเตอร์ของสโมสรแห่งนี้ การที่คุณเป็นยอดนักสู้ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสัคใด ๆ และการที่คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย