ย้อนทวนชีวิตหงส์ (ตอนแรก) 5 เรื่องราวสำคัญของหงส์แดงใน 14 เกมแรก

กำลังเข้าสู่ช่วงบอลโลกแล้ว บอลลีกก็ต้องพักกันไปก่อน หงส์แดงจบนัดที่ 14 ของตัวเองก่อนพักเบรก ด้วยการเปิดบ้านชนะนักบุญ รั้งอันดับ 6 ของตารางคะแนนตอนนี้ หากมีใครสักคนเดินทางมาจากอดีตเมื่อปีที่แล้วมาเห็นอันดับตารางของหงส์แดงตอนนี้คงจะตกใจ และแปลกใจน่าดู

แต่สำหรับแฟนหงส์แดงที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นของฤดูกาลนี้ การที่หงส์แดงอยู่อันดับ 6 ตารางคะแนนในตอนนี้ ถือเป็นเรื่องน่าพอใจไม่น้อย 14 เกมที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นไม่น้อย วันนี้เราจึงถือโอกาสที่กำลังจะพักบอลโลกมาทบทวน 5 เรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นกับหงส์แดงกัน

แดนกลางพอซะเมื่อไหร่

หากจะมีเรื่องไม่คาดฝันสำหรับหงส์แดงสักเรื่องในฤดูกาลนี้ ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาแดนกลางของหงส์แดง ที่ปัญหามันลึกและซ้ำซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องของอาการบาดเจ็บเท่านั้น ลิเวอร์พูลมีข่าวจะเสริมแดนกลางช่วงหน้าร้อน มีข่าวอย่างหนักกับชูเอา เมนดี และมีข่าวว่าจะเสริมจูด เบลลิงแฮม อีกในตลาดหน้าร้อนปีหน้า เป็นแพลนงานในอนาคตของหงส์แดงที่ดูเข้าท่ามาก

แต่แล้วหงส์แดงก็พลาดเป้าหมายแรกอย่างชูเอา เมนดี ที่เลือกย้ายไปซบราชันชุดขาวแทน ปล่อยให้หงส์เคว้งอยู่พักหนึ่งว่า จะเสริมแดนกลางหรือไม่ สุดท้ายด้วยจำนวนแดนกลางที่เรามีอยู่ในตอนนั้น ในการประเมินของคล็อปป์และทีมงานมองว่า “ยังเพียงพอ” ต่อการใช้งานแบบไม่น่ามีปัญหามากนัก

แดนกลางสามตัวหลัก ติอาโก ฟาบิญโญ่ เฮนเดอร์สัน ยังอยู่กันครบ และแดนกลางที่พร้อมสลับหมุนเวียนก็มีทั้ง นาบี เกอิตา แชมเบอเลน มิลเนอร์ ดาวรุ่งอย่าง เอเลียตต์ และบายเซติก คือนับรวม ๆ แล้ว ก็มีใช้งานเหลือเฝือ 7-8 คนเลย ก็ไม่แปลกที่คล็อปป์จะมองว่าไม่จำเป็นต้องเสริมก็ได้

สุดท้ายกลายเป็นว่า หงส์แดงโดนปัญหาแทรกซ้อนเล่นงาน อย่างแรกคือ ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะหน้าเดิม ๆ อย่างเกอิตา และแชมเบอเลน ทำให้หงส์แดงขาดโควตาไป 2 คน ปัญหานี้มันยังไม่หนักหนาเพราะเป็นปัญหาเดิม ๆ แต่ที่ทำให้ปัญหาแดนกลางมันหนักก็ตรงที่ นักเตะซีเนียร์ พากันฟอร์มตก และไม่ฟิตปึ๋งปั๋งเหมือนก่อนนี่แหละ

จุดนี้แหละที่ผมคิดว่าเป็นการประเมินพลาดของคล็อปป์และทีมงาน คือไม่คิดว่า นักเตะซีเนียร์ของทีมจะพากันฟอร์มตกและสภาพร่างกายย่ำแย่ขนาดนี้ จนคล็อปป์ต้องออกมายอมรับแบบตรง ๆ ว่า เขาผิดเองที่ไม่เสริมแดนกลาง ทำให้หงส์แดงต้องดิ้นรนยืมตัวอาร์ตูมาจากยูเวนตุส แต่ก็ดันเจ็บยาวอีก

ปรับแผน เปลี่ยนระบบ

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์แดนกลางของหงส์แดงมันค่อย ๆ คลี่คลาย เมื่อคล็อปป์ ตัดสินใจเด็ดขาดในการปรับเปลี่ยนแผนการเล่น จาก 4-3-3 มาเป็น 4-4-2 โดยการเพิ่มตัวรุกแดนหน้าลงไปอีก 1 และมีกองหน้าคู่ ทำให้แดนหน้าของหงส์แดงมีถึง 4 คน และอาศัยพลังหนุ่มเหล่านี้ช่วยกันไล่เพรสแดนบน ทำให้หน้างานของแดนกลางน้อยลง ช่วยเซฟพลังงานของนักเตะซีเนียร์ได้เยอะ

ปัญหาก็คือระบบใหม่อย่าง 4-4-2 กำลังจะเข้าที่เข้าทาง นักเตะแดนหน้าก็ดันมาเจ็บกันระนาวอีก โดยเฉพาะสองนักเตะที่เป็นคลื่นลูกใหม่ในแนวรุกหงส์แดงทั้งโจตาและดิอาช ที่มีบทบาทอย่างมากกับ 4-4-2 ของคล็อปป์ในช่วงแรก ขุมกำลังที่ทดแทนเปลี่ยน หมุนเวียนกันได้สบาย ๆ โดยเฉพาะโจต้าที่กำลัท็อปฟอร์มสุด ๆ ในช่วงที่ดาร์วินยังปรับตัวไม่ได้ หรือดิอาชที่ก็กำลังดีวันดีคืน

สุดท้ายคล็อปป์ต้องปรับแผนการเล่นอีกครั้ง โดยรอบนี้ยังคงใช้ระบบ 4-4-2 อยู่แต่ปรับให้เป็นแบบไดมอนด์ โดยคล็อปป์ให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้ดาร์วินนั้นถ่างออกข้างมากเกินไป เช่นเดียวกับซาลาห์ทางฝั่งขวา ที่ทำผลงานไม่ค่อยดี ยามที่ต้องถ่างตัวเองออกไปเล่นด้านข้างเกินไป

สุดท้ายทุกอย่างจึงมาจบที่ 4-1-2-1-2 สามตัวรุกแดนหน้าเป็นฟีร์มิโน่ นูเญช ซาลาห์ ประสานงานกัน เมื่อได้เล่นร่วมกันบ่อย ๆ ก็ทำให้ระบบนี้ดูดีขึ้นมาก มาพร้อมกับการระเบิดฟอร์มของนูเญชที่เล่นดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นตัวหลักในแนวรุกที่ทีมขาดไม่ได้ ประกอบกับมีทั้งฟีร์มิโน่และซาลาห์ที่สอดแทรกช่วยกันทำงานในแดนหน้าได้ ผลงานของหงส์แดงจึงกระเตื่องขึ้นทันตา คำถามก็คือหาก โจตา และ ดิอาช กลับมาละ ทิศทางการเล่นจะเป็นยังไง

เทรนท์อาการหนัก

ผ่านมา 14 เกมแต่เทรนท์ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงไม่ได้เลยทั้งในลีกและใน UCL คงไม่ต้องบอกว่า อาการหนักขนาดไหน เมื่อเทรนท์ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเรื่องเกมรุกของตัวเองออกมาได้ ผลก็คือ จุดอ่อนด้านเกมรับของเขาก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเลย

“บ่อ” คือนิยามที่ไม่ผิดเลยที่จะใช้กับเทรนท์ได้ และอาจจะบอกได้ว่าเป็นเหมือนไฟเขียว เลี้ยวผ่านตลอดของทีมคู่แข่งไปแล้ว การยืนตำแหน่ง การเคลื่อนที่ ของเทรนท์ผิดเพี้ยนไปหมด จนเด็กหงส์เอือมกันเป็นแถว แค่เห็นชื่อเขาลง 11 ตัวจริงก็เสียว ๆ กันแล้ว

ปัญหาของเทรนท์มันอาจจะมีหลายปัจจัย อย่างแรกคือแดนกลางไม่สามารถซับพอร์ตเขาได้เต็มที่เหมือนเดิมแล้ว ทั้งฟาบิญโญ่ที่เล่นเนือย ๆ และไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อน ขณะที่เฮนเดอร์สัน ได้ลงบ้าง ไม่ได้ลงบ้าง และเอเลียตต์ที่วินัยเกมรับยังไม่ดีเท่ารุ่นพี่

ทำให้พักหลัง คล็อปป์จึงมักจะไม่ได้ให้เทรนท์เติมเกมรุกมากนัก และหันมาขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายมากขึ้น นั่นทำให้การสร้างโอกาสจากเทรนท์ลดลง จนเป็นที่มาของจำนวนแอสซิสต์ที่หายไปเลย และเขาเองแทบจะไม่ได้ประสานงานกับซาลาห์เลย ปัญหานี้ดูแล้วจะเรื้อรังสำหรับหงส์แดงไปสักระยะ และอาจจะต้องรอให้แดนกลางหรือกองหลังฝั่งขวาเริ่มเข้าที่มากขึ้น หรืออีกทางคือเขาต้องรีบเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาให้เร็ว ไม่เช่นนั้น เจ้าหนูแรมซีย์ที่มีแววไม่เบาอาจได้มีส่วนแบ่ง

คล็อปป์กับภารกิจท้าทายสุดในชีวิต

อันที่จริง หลังจากพาทีมหงส์แดงไล่ล่า 4 แชมป์เมื่อปีที่แล้ว คล็อปป์จัดการเสริมทัพได้น่าสนใจตั้งแต่การซื้อดิอาชมาตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลก่อน มาจนการเสริมนักเตะระดับปรากฎการณ์อย่าง นูเญช กองหน้าตัวเป้าที่เด็กหงส์เรียกร้องมานาน แถวยังได้ดาวรุ่งฝีเท้าอนาคตไกลอย่างคาร์วัลโญ่มาอีก

หลายคนก็นึกว่าคล็อปป์จะพาทีมทำผลงานกระฉูดอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่า คล็อปป์พาทีมออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี ด้วยการลงเล่นไป 8 นัด มีแค่ 10 แต้ม จนแม้แต่กุนซืออย่างเป็บและอาร์เตตาร์ยังแบบงงว่าคล็อปป์พาทีมทำผลงานหลุดหลุ่ยได้ขนาดนี้ได้ยังไง

แต่คล็อปป์ก็ยืนยันเองกับนักข่าวว่า ภารกิจนี้ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขได้ เขาคือคนที่รู้ปัญหาของทีมมากที่สุด แต่ภารกิจนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กับการ “สร้างทีมใหม่” เพราะเป้าหมายของทีมมันมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นเดิมแล้ว คล็อปป์ไม่ใช่ นอร์มอลวันอีกต่อไป แต่เขาคือคนพิเศษที่บันดาลสิ่งพิเศษให้หงส์แดงมาหลายปีแล้ว

การเดินทางกับสโมสรหนึ่งเกิน 7 ปีน่าจะเป็นภารกิจที่ท้าท้ายที่สุดในชีวิตของผู้ชายชื่อเจเก้น คล็อปป์ แล้วเราจะมาดูกันว่า บทสรุปของการเดินทางครั้งนี้เขาจะพาหงส์แดงไปได้ไกลขนาดไหน

ชีวิตสุดสะวิงริงโก้ของนูเญช

สีสันของพรีเมียร์ลีกเริ่มตั้งแต่หงส์แดงลงทุนควักเงินทำลายสถิติสโมสรในการซื้อตัว ดาร์วิน นูเญช กองหน้าจากเบนฟีกามาร่วมทีม ในราคา 100 ล้านยูโร ขณะที่แมนซิตีคู่ปรับของหงส์แดงเองก็ถอยเอาฮาแลนด์มาร่วมทีม จนกลายเป็นคู่เปรียบของคู่ปรับไปแล้ว

แต่อย่างที่พาดหัวว่า ชีวิตของนูเญชมันช่างสุดสะวิงริงโก้ มาก เอาแค่ช่วงปรีซีซั่นเกมแรก ๆ ที่ได้ลงเจอแมนยู พี่เขาก็โดนล้อเป็นแอนดี แคร์โลว์แล้ว ถัดจากนั้นก็มากู้ชื่อได้จากการยิง 4 ประตู ในเกมกับไลป์ซิก เปิดตัวกับการเจอเรือใบในรายการคอมมูนิตีชิลล์ ด้วย 1 ประตู 1 จุดโทษให้ทีม

ออกตัวแรงกว่าฮาแลนด์ไป 1 ก้าว ดวงกำลังจะพุ่งก็โดนราหูอมทันที เพราะไปโดนใบแดงแบบไม่น่าโดน จนพลาดไป 3 นัด แล้วฮาแลนด์ทำแฮทริกเป็นว่าเล่น กลับมาฟอร์มก็กะท่อนกะแท่น แต่พอเริ่มได้ลงสม่ำเสมอ บวกกับภาษาอังกฤษเริ่มดีขึ้นสื่อสารกับเพื่อนได้ ฟอร์มของนูเญชก็ดีวันดีคืน

ความเร็ว การหาพื้นที่ ความขยัน เริ่มมีส่วนร่วมกับเกม เข้าใจเกมมากขึ้น และแน่นอนว่าจำนวนประตูที่มากขึ้นมาแบบสม่ำเสมอ การหยุดพักบอลโลกด้วยการยิงไป 2 ประตู ก็ทำให้ตัวเขาเองน่าจะปลดล็อคทุกสิ่งอย่างแล้ว