ย้อนทวนชีวิตหงส์ (ตอนสอง) 4 เรื่องแปลกทางต่างที่ของหงส์แดงใน 14 เกมแรก

อีกไม่กี่วันก็บอลโลก ขณะที่บอลลีกก็พักเตะกันไป เป็นครั้งแรกที่คนดูบอลอย่างเราแทบจะปรับอารมณ์ไม่ทันเลย บอลลีกกำลังสนุก อารมณ์กำลังต่อเนื่อง พอมาเจอบอลโลกต้องปรับอารมณ์กันเยอะ เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหงส์แดงในช่วง 14 เกมแรกที่เด็กหงส์ปรับอารมณ์ตามกันแทบไม่ทัน

ตอนแรกของบทความ ย้อนทวนชีวิตหงส์ เราพาไปสำรวจประเด็นเด่น ๆ สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ตอนที่สองนี้ เราจะพาไปดูเรื่องราวอีกมุมที่ผมคิดว่าให้ความรู้สึกแปลงที่แปลกทาง แตกต่าง หรือไม่คุ้นชินสำหรับเด็กหงส์กัน

คล็อปป์ตำหนินักเตะแรง

ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่คล็อปป์คุมทีมมา ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์ครั้งไหน ที่ไหน เวลาไหน และทีมจะแพ้เละเทะแค่ไหน หรือสื่อพยายามจะเสี้ยมยังไงก็ตาม คล็อปป์มักจะไม่ตำหนิลูกทีมออกสื่อเลย บ่อยครั้งที่คล็อปป์มักจะพูดถึงแง่ดี ปกป้องนักเตะ หรือไม่ก็เลี่ยงที่จะพูดอะไรที่เป็นการวิจารณ์นักเตะคนใดคนหนึ่งโดยตรง

แต่ฤดูกาลนี้ เราเห็นชัดเลยว่าคล็อปป์เวลาให้สัมภาษณ์มักมีท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นเยอะ อารมณ์ขันน้อยลง และจัดหนักจัดเต็มลูกทีมหลายครั้ง ตั้งแต่เกมแรก ที่หงส์แดงเสมอกับฟูแล่ม คล็อปป์ก็จัดหนักลูกทีมว่า “เป็นเกมที่เราเล่นกันได้ห่วยมาก ๆ เราเหมือนไม่เป็นตัวเอง ทัศนคตินักเตะก็ผิดตั้งแต่เริ่ม ซึ่งทุกอย่างมันอยู่กับความรับผิดชอบของผมเอง”

จะเห็นในคำที่คล็อปป์ด่านั้น  มีคำสำคัญคือคำว่า “ทัศนคติ” ที่ปกติจะเป็นจุดแข็งของคล็อปป์และนักเตะชุดนี้ ที่มีทัศคติที่ยอดเยี่ยม เป็นนักสู้ และคล็อปป์มักจะภูมิใจกับทัศนคติของทีมมาเสมอ และจากเกมแรกที่คล็อปป์จัดหนักไป เราก็เห็นการวิจารณ์ลูกทีมหนัก ๆ อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะตอนที่ทีมทำผลงานได้ไม่ดี

ในตอนที่เราแพ้ลีดส์ ยูไนเต็ด การเล่นเกมรับของหงส์แดงทำได้แย่มาก เสียประตูแบบไม่น่าเสีย จนคล็อปป์ต้องออกมาบ่นหลังเกมว่า “”คุณไม่สามารถตั้งรับเหมือนที่เราเสียประตูที่ 2 ไม่มีทางเลย ผมไม่แน่ใจว่าจะอธิบายอย่างไร นั่นคือสาเหตุที่เราแพ้” เป็นครั้งแรกที่คล็อปป์ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับผลงานของลูกทีม

ผลงานที่ต่ำเกินมาตรฐานของฟานไดจ์ค

นักเตะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นความหวังของหงส์แดงมานานหลายปี แต่ปีนี้ฟานไดจ์คทำผลงานได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ในหลายเกม ที่บอกว่าผิดหวังไม่ใช่เพราะเขาเล่นแย่จนน่าเกลียดหรอกนะครับ เพียงแต่อาจจะพูดได้ว่ามันต่ำกว่ามาตรฐานที่เขาเคยทำไว้ ถ้าเอาตามที่ผมรู้สึก ผมว่ามัน “ไม่สุด” เราเห็นการ ชะลอ การไม่เข้าต่อ การหยุด กระทั่งอาการเชื่องช้าในบางจังหวะของฟานไดจ์ค

เอาเป็นว่าไม่ได้แย่นะ แต่ไม่ได้มาตรฐานละกัน ซึ่งเหตุผลนั้นก็มีมากมายต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่า อาการบาดเจ็บยาวครั้งก่อนยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ บ้างก็ว่า เพราะมีบอลโลกรอยู่และฟานไดจ์คจะได้เล่นบอลโลกเป็นครั้งแรกเจ้าตัวเลยไม่อยากเจ็บ แต่นั่นก็เป็นการคาดเดาไปเองของสื่อและแฟนบอล

จากคำสัมภาษณ์ของฟานไดจ์คในหลาย ๆ เกมที่ทีมเล่นไม่ดี เขาพูด คีย์เวิร์ดออกมาอย่างหนึ่งว่า ทีมเล่นไม่เหมือนเดิม เราไม่ได้เล่นด้วยความสนุกเหมือนเดิม ถ้าฟังจากน้ำเสียงมันก็สะท้อนถึงปัญหาภายในมากกว่าภายนอก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ฟานไดจ์ครู้ตัวดี เขายอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองและทีม และเราก็เห็นแล้วว่า 2-3 เกมล่าสุดเขาทำผลงานได้ดีกับทีม

ฟีร์มิโน่กลับมาโก้

เขามีส่วนร่วมกับ 13 ประตู (ยิง 9 จ่าย 4) จากการลงเป็นตัวจริง 15 เกมให้หงส์แดงในฤดูกาลนี้ หากเขายังทำผลงานได้ดีแบบนี้เรื่อย ๆ จบฤดูกาลนี้เขาอาจจะทำประตูได้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับปี 2017-2018 ที่ทำไปถึง 25 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ในลีกและ UCL ซึ่งเป็นยุคที่ 3 ประสานแดนหน้าของหงส์แดงรุ่งเรืองที่สุด

อันที่จริงหากดูตามสัญญาของเขาทีเหลือแค่ 1 ปี และอายุที่โรยรา บางคนก็คาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับหงส์แดงก็ได้ เมื่อทีมซื้อทั้งโจตา ดิอาช และนูเญชมาเล่นเป็นตัวรุกกันมากมาย บทบาทของฟีร์มิโน่คงลดลง ในทางกลับกันเลย กลับไม่มีนักเตะใหม่คนไหนทำหน้าทีในบทบาทของเขาได้เลย

การลงมาล้วงบอลต่ำ ช่วยไล่เพรส แย่งบอล ทักษะการผ่านบอลให้เพื่อนที่ใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำของเขา ไม่มีนักเตะคนไหนในทีมทดแทนได้เลย แต่กลายเป็นว่าการที่เรามีตัวรุกเพิ่มขึ้น บทบาทของฟีร์มิโน่กลับสำคัญยิ่งขึ้น เพราะเขาเป็นหน่วยสมทบที่ดี การลงเล่นในระบบ 4-1-2-1-2 ที่เขาเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์เต็มตัว ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้เพื่อน

เขาเองยังมีโอกาสทะลุทะลวงเข้าไปทำประตูได้ เนื่องจากการมีกองหน้าตัวเป้าอย่างนูเญชทำให้ตัวเขาเองไม่ต้องรับภาระการปะทะกับกองหลังคู่แข่งโดยตรง มีช่องมีโอกาสได้ปล่อยของ โชว์ความเก๋ามากขึ้น การเจรจาสัญญาใหม่จึงเริ่มมีความคืบหน้าขึ้น และเราอาจจะได้เห็นฟีร์มิโน่อยู่ต่ออีกสัก 1-2 ปี

เกิดอะไรขึ้นกับหมอปลา

หนึ่งในนักเตะที่ถูกยกย่องว่าเป็นจิ๊กซอร์สำคัญในแดนกลางของหงส์แดงอย่างฟาบิญโญ่ ก็มีฟอร์มการเล่นที่แปลกที่แปลกทางไปเยอะ ความแข็งแกร่งที่เคยเป็นจุดแข็งหายไปสิ้น ความแม่นยำในการเข้าสกัดบอลก็เงียบหาย

แต่สิ่งที่แปลกใจมาก ๆ กลับไม่ใช่ฟอร์มหรือผลงานในสนาม แต่เป็นพฤติกรรมของฟาบิญโญ่ในสนามต่างหาก ที่กล้องจับได้ว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคล็อปป์ตะโกนสั่งข้างสนาม เพราะปกติฟาบิญโญ่จะเป็นนักเตะที่แฟนบอลมองว่ามีความเป็นมืออาชีพสูง แต่คิดว่าปัญหานี้คงเคลียร์กันได้แล้ว แต่ฟาบิญโญ่เองยังต้องตามหาฟอร์มเก่งของตัวเองต่อไป