เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาเร็วเกินไป

มีเรื่องตื่นเต้นให้ได้เสพกันตลอดสำหรับเด็กหงส์ แม้จะเป็นช่วงบอลโลกที่บอลลีกหยุดพัก แต่ความเคลื่อนไหวของหงส์แดงกลับไม่หยุดตาม กลายเป็นจังหวะให้หลาย ๆ ส่วนเร่งขยับตัว เพราะไม่มีบอลลีก คนไม่เพ่งเล็ง จะทำอะไรก็ดูสะดวกดี การเคลื่อนไหวล่าสุดที่เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ก็คือ

การที่สื่อออกมาเปิดเผยว่า ทั้งจูเลียน วอร์ด และทีมงานหลายคนโดยเฉพาะนักวิเคราะห์สถิติฝีมือดีอย่าง แกรแฮม ได้บอกกับสโมสรว่าพวกเขาจะอยู่กับสโมสรถึงแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน เอ็ดเวิร์ด ผอ. กีฬาของหงส์แดงก็เพิ่งลาออกไป โดยทิ้งทายาทอย่าง วอร์ดไว้ ซึ่งก็ทำผลงานการซื้อขายได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน

การเสียนักเตะสำคัญ ๆ ไป ยังไม่น่าหนักใจเท่าการเสียคนทำงานเบื้องหลังที่เก่ง ๆ ไป เรื่องนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ น่ากังวลใจ เพราะมันหมายถึงว่า กลุ่มคนที่ทำงานกับคล็อปป์มาอย่างยาวนานกำลังทยอยออกทีละคน ๆ มันก็เป็นสัญญาณเตือนเหมือนกันว่า ในท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่คล็อปป์ก็อาจจะอยู่ไม่ครบสัญญาของตัวเอง

เพราะการทำงานของคล็อปป์นั้นเขาทำงานเป็นทีม หากไม่มีทีมแล้วทุกคนคิดหรือว่าคล็อปป์จะทำงานได้ลุล่วง นี่เป็นปรัชญาการทำทีมของเขามาแต่ไหนแต่ไร คนที่ทำงานร่วมกับเขามักจะได้ฉายาที่เปรียบดังอวัยวะสำคัญ เช่น ดวงตา สมอง และแน่นอนว่า สำหรับวอร์ดและทีมงานจะเป็นเหมือนแขนขาของคล็อปป์ มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีของเขาและทีมเลย

แม้เอเยนต์ของคล็อปป์จะเพิ่งออกมายืนยันว่า คล็อปป์จะยังทำงานเพื่อลิเวอร์พูลต่อไป แม้จะมีปัญหาถาโถมเข้ามาก็ตาม แต่ไม่ใช่คาราเกอร์ กองหลังจอมลุยของหงส์แดง เขามองปรากฎการณ์นี้อย่างเป็นห่วง และคิดว่าการที่ทีมงานเบื้องหลังที่พาสโมสรเดินทางมาไกลขนาดนี้กำลังจะออกจากทีมมันเป็นเรื่องน่ากังวล

คาราเกอร์บอกว่า ตำแหน่งของทั้งคู่ ถือเป็นความสำคัญมากในการจะซื้อนักเตะเข้าทีมสักคน มันอาจจะส่งผลต่อตลาดมกราคมนี้ด้วยซ้ำ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อสโมสรด้วย คาราเกอร์มองว่า เรื่องนี้มันอาจจะมีความโกลาหลเกิดขึ้นหลังฉาก อย่าลืมว่า วอร์ด เพิ่งจะเข้ามาแทน เอ็ดเวิร์ดได้ไม่นาน การรีบลาออกตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน

เรื่องทั้งหมดก็แค่เกมธุรกิจหรือ

ถามว่าปัญหาที่ถาโถมเข้ามาตอนนี้ มันเกิดจากอะไร หลายคนคงรับรู้ชัดเจนแล้วเมื่อไม่นานมานี้ว่า FSG พร้อมจะขายสโมสรหงส์แดงแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะเกิดขึ้น อาจจะคาดเดากันไปได้ว่า ตอนนี้สโมสรคงใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับ “ว่าที่” เจ้าของใหม่ได้แล้วหรือไม่

ซึ่งก็สอดคล้องกับข่าวที่ บีบีซี สปอร์ต รายงานว่า รัฐมนตรีกีฬาของ ซาอุดิ อาราเบีย ได้ออกมาประกาศชัดว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่หากภาคเอกชนของซาอุ จะยื่นซื้อทีมจากอังกฤษ โดยเฉพาะสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนยู กับ ลิเวอร์พูล เมื่อมองถึงกลุ่มทุนที่จะมีศักยภาพในการเข้ามาบริหารทีมระดับหงส์แดง ก็คงไม่พ้นกลุ่มทุนจากประเทศน้ำมันแบบนี้

หากมองในแง่ธุรกิจ นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมจะคืนทุนบวกกำไรจากการลงทุนมากว่า 13 ปีของ FSG ใช่แล้วหรือไม่ คำตอบแบบคนไม่รู้เรื่องการลงทุนมากนัก ผมมองว่ามันคงถึงเวลาแล้ว สโมสรหงส์แดงกำลังจะใหญ่เกินกว่ากำลังการลงทุนของ FSG แล้ว

หมายความว่า การดำเนินการของ FSG กับหงส์แดงมันบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาตั้งแต่คล็อปป์พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว และพวกเขาอาจจะไม่ได้มีแผนระยะยาวไปกว่านั้น หากเราติดตามการทำงานของ FSG ก่อนหน้าคล็อปป์จะเข้ามา พวกเขาเกือบจะถอดใจขายทีมหลายครั้งแล้ว การมาของคล็อปป์ พวกเขาเองอาจจะไม่คิดว่า คล็อปป์จะพาสโมสรหงส์แดงจะมาไกลได้ขนาดนี้เหมือนกัน

คลอปป์ยังไม่แสดงท่าทีต่อสัญญาของซาลาห์

พวกเขาซื้อหงส์แดงมาด้วยมูลค่าประมาณ 300 ล้านปอนด์ แต่ตอนนี้มูลค่าของหงส์แดงตามที่ประเมินกันมาอาจจะสูงถึง 4 พันล้านเหรียญ ในระดับโลกจากเดิมตอนที่ FSG เข้ามามูลค่าสโมสรของหงส์แดงไม่ติดท็อป 10 ของโลกด้วยซ้ำ ปีล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์ สื่อธุรกิจการเงินชื่อดังของสหรัฐ จัดให้หงส์แดงอยู่ในอันดับที่ 4 ของสโมสรฟุตบอลที่มูลค่ามากที่สุดในโลก ตามหลัง มาดริด บาร์ซ่า และแมนยู

สัญญาณหลาย ๆ อย่างสะท้อนว่าสโมสรหงส์แดงกำลัง “ใหญ่เกิน FSG แล้ว” ด้วยขนาดของสโมสรที่ใหญ่ขึ้น การลงทุนไปกับการจ้างพนักงาน และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพดานค่าเหนื่อยนักเตะที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ค่าตัวในการซื้อนักเตะที่จะหาของถูกมาปั้นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว หงส์แดงเข้าสู่ตลาดการแข่งขันที่คู่ค้าสามารถโก่งราคาได้แล้ว

เป้าหมายจึงไม่ใช่แค่อยู่รอด แต่คือต้องประสบความสำเร็จระดับสูง คือสูงกว่านี้ก็เหลือแค่สามทีมในโลก ในแง่ของการจะลงทุนพัฒนาต่อยอด มันจึงอาจจะเกินกำลังของ FSG ไปแล้ว ยิ่งเมื่อโปรเจ็คหาเงินต่าง ๆ ที่พวกเขาเคยพยายามทำมา อย่าง ซุปเปอร์ลีก ที่จะการันตีเงินให้พวกเขาไม่ต่ำว่า 300 ล้านปอนด์ต่อปี ถูกสังคมโลกตีตกไป หนทางในการหารายได้มาลงทุนแบบฉบับอเมริกันก็หดหายไปทุกที

การดิ้นรนขายทีมในช่วงที่ยังพอประคองทุกอย่างไปไหว จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับกลุ่ม “นักธุรกิจ” อย่าง FSG

การเปลี่ยนแปลงที่มาเร็วเกินไป

ในมุมมองของผมมองว่า ไม่ช้าการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ก็ต้องมาถึง เพียงแต่สิ่งที่เป็นกังวลสำหรับผมคือ จังหวะและไทม์มิงของการเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดขึ้นในช่วงที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เพราะมันเป็นช่วงที่ทีมกำลังสร้างใหม่ ยังจะต้องมีการซื้อขายและเสริมทัพในอนาคต ความไม่แน่นอนของสโมสรมันส่งผลกระทบหนักแน่ ๆ โดยเฉพาะเมื่อมันกระทบกับการจะ อยู่หรือไม่อยู่ของ คล็อปป์

นักเตะและกลุ่มคนทำงานมากมายตัดสินใจมาทำงานกับหงส์แดงในระยะหลัง เป็นเพราะพวกเขาชื่นชอบการทำงานของคล็อปป์ นักเตะหลายคนเลือกโค้ชก่อนเลือกสโมสรด้วยซ้ำ ยิ่งพอมีการเคลื่อนไหวที่เข้ามาเป็นแรงกระเพิ่มหนักอย่างการลาออกของทั้งวอร์ดและทีมงาน ยิ่งทำให้แรงกระทบนั้นอาจจะรุนแรงขึ้น

อีกอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันดันมาเกิดในช่วงที่หงส์แดงเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ค่อยดี จนหลายคนก็โยงไปว่า ที่นักเตะเล่นกันไม่ค่อยมีสมาธิเพราะรับรู้เรื่องราวหลังฉากกันแล้วหรือเปล่า ทำให้ไม่มีสมาธิในการโฟกัสกับทีม แต่โดยรวมมันทำให้ท้องฟ้าเหนือน่านแอนฟิลด์มันครื้ม ๆ มืด ๆ ไม่สดใส ทำให้คนที่อยู่ใต้ท้องฟ้าก็พลอยหม่นหมองไปด้วย

สิ่งที่พอจะเป็นเรื่องดีของหงส์แดงได้ในตอนนี้ก็คือ ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงมันมาถึงแล้ว ก็ต้องไม่ให้มันเรื้อรัง ภาวนาให้มันจบลงอย่างรวดเร็วและดีงามกับทั้งหงส์แดง FSG และเจ้าของใหม่ของทีม ไม่แน่บางทีการเปลี่ยนแปลงที่มันมาเร็วก็อาจจะพาให้เราก้าวผ่านปัญหาที่เป็นอยู่ได้เร็วขึ้นก็ได้