ก็แค่สนามฟุตบอล
ตอนเปิดฤดูกาล เทน ฮาก กุนซือ คนใหม่ของแมนยู เอ่ยปากลั่น ดั่งแม่ทัพลั่นกลองรบว่า ยุคสมัยของเป๊บและคล็อปป์กำลังจะหมดไป จากนั้นเขาก็พาทีมแมนยูชนะลิเวอร์พูลได้ที่โอล์ด แทรฟฟอร์ด และกราฟของพวกเขาก็พุ่งพรวด จนประกาศศักดาเป็นทีมอังกฤษทีมเดียวของฤดูกาลที่มีลุ้น 4 แชมป์ จากนั้นก็คว้าแชมป์แรกได้ในรายการคาราบาวคัพ ก่อนมาเยือนหงส์แดง โดยพักตัวหลักไว้หลายคนเพื่อให้ฟิตที่สุดในเกมนี้
ผลงานไม่แพ้ใครมา 11 เกมติด การลุ้นแชมป์ลีกแบบเต็มตัว บวกกับเพิ่งได้แชมป์มา และฟอร์มของหงส์แดงที่แม้จะดีขึ้นในช่วงหลัง แต่ก็ไม่อาจทำให้ภาพของทีมดูดีขึ้นมาก ทำให้ก่อนเกม อัตราต่อรองของหงส์แดง เป็นรองทีมเยือนอย่างเห็นได้ชัด จนถึงขั้นที่กุนซืออย่างเทน ฮาก ได้หลุดคำพูดที่เป็นเหมือนการขุดหลุมฝังตัวเองออกมา
ไม่ว่าจะด้วยจิตวิทยา หรือเพราะความลำพองตน เทนฮาก ก็ได้กล่าวสิ่งที่มิบังควรออกมา เขากล่าวถึงแอนฟิลด์ก่อนเกมว่า สนามแอนฟิลด์ก็เหมือนสนามฟุตบอลทั่ว ๆ ไป ทั้งขนาด ทีมกรรมการ และลูกฟุตบอลกลม ๆ เหมือนกัน แถมยังพูดแบบมั่นใจว่า ลูกทีมของเขาชอบบรรยากาศแบบนี้ ชอบความกดดันแบบนี้
นี่อาจจะเป็นจิตวิทยาให้ลูกทีมของเขาเกิดความฮึกเหิมก่อนเกม ในช่วงที่ทีมกำลังมั่นใจสุดขีด ถ้าผลออกมาว่าพวกเขาชนะหงส์แดงในเกมนี้ได้ สิ่งที่เทน ฮากพูดก็จะยิ่งเพิ่มกำลังใจให้นักเตะ ไม่ว่าพวกเขาจะไปเล่นที่ไหน สนามใคร พวกเขาก็จะพกความมั่นใจไปเต็มที่ นี่คือการปูทางสู่การลุ้น 4 แชมป์แบบเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม นั่นกลายเป็นจิตวิทยาที่เสี่ยงมาก ๆ เพราะเทน ฮาก เลือกที่จะสร้างความกดดันมหาศาลให้นักเตะของตัวเองก่อนเกม โดยที่รู้อยู่แก่ใจว่า ที่นี่ แอนฟิลด์ สนามแห่งนี้ไม่เหมือนที่อื่น อย่างน้อยก็กับทีมแมนยูไนเต็ดเอง เพราะใน 7 เกมหลังสุด ก่อนหน้าที่พวกเขามาเยือนสนามแอนฟิลด์แห่งนี้ พวกเขายิงประตูหงส์แดงได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น และเสียประตูให้หงส์แดงถึง 11 ประตู เสมอ 3 และแพ้ออกไป 4 ครั้ง
หากรวมครั้งนี้ ก็ทำให้พวกเขาเสียประตูให้หงส์แดงในแอนฟิลด์ถึง 18 ประตูเข้าไปแล้ว นอกจากจะไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้แมนยูแล้ว คำพูดในลักษณะที่ว่ากันตรง ๆ ก็อวดดี หรือ ประมาทคู่ต่อสู้ของเทนฮาก กลับทำให้ลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นมา
ชัยชนะของลิเวอร์พูลเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 เมื่อคืน กลายเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดของหงส์แดงในศึกแดงเดือดที่เคยมีมา เป็นครั้งแรกในรอบ 128 ปี ที่ลิเวอร์พูลสามารถยิงประตูใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มากถึง 7 ประตู (7-0) ภายใน 1 นัด โดยครั้งล่าสุดที่ลิเวอร์พูลทำได้ต้องย้อนไปเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1895 (สกอร์ 7-1) เลยทีเดียว
หากเกมที่พวกเขาชนะหงส์แดงได้ 2-1 ที่บ้านเมื่อต้นฤดูกาล เป็นจุดเปลี่ยนทำให้พวกเขามาถึงจุดที่ได้ลุ้น 4 แชมป์ การแพ้หงส์แดงรอบนี้ ก็อาจจะเป็นจุดพลิกผัน ที่เป็นบทเรียนสำคัญของเทน ฮาก ก็ได้ เพราะการแพ้นัดนี้ ในขณะที่ทั้งอาร์เซนอลและแมนซิตี้เก็บสามแต้มได้ แทบจะปิดประตูลุ้นแชมป์ลีกของแมนยูไปแล้ว และหากเทน ฮาก อยากจะลงโทษตัวเองในเรื่องนี้ เขาก็อาจจะต้องวิ่งคนเดียวเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร และในที่สุด เขาก็อาจจะได้หวนกลับมาคิดอีกครั้งว่า แอนฟิลด์ เป็นแค่สนามฟุตบอลทั่วไปจริงหรือไม่
เราเห็นบทเรียนสำคัญมาแล้ว ไม่ว่าจะมูริญโญ่หรือโซลชา การแพ้หงส์แดง ไม่ใช่เรื่องเล็กในประวัติศาสตร์แดงเดือด มันเป็นบาดแผลที่ฝังลึก ปีที่แล้วแมนยูเพิ่งทำสถิติแพ้หงส์แดงคาบ้าน 5-0 พอมาปีนี้ ทรงกำลังดี ก็มาแพ้หงส์แดงที่แอนฟิลด์เป็นสถิติอีก ต่อให้เอริค เทน ฮาก เป็นพ่อมด ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะประกอบสร้างความรู้สึกของทีมขึ้นมาใหม่
บุคลิก ของเทน ฮาก คือสิ่งจำเป็นที่แมนยู ต้องมีเพื่อวางรากฐานของทีมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงทุนไปกว่า 685 ล้านปอนด์ ใน 5 ฤดูกาลหลังสุด เพื่อให้พวกเขากลับมาคว้าแชมป์ คาราบาวคัพ อย่างยิ่งใหญ่ อีกครั้ง

นั่นคือ รูปธรรมที่ชัดเจนกับเงินลงทุนที่ลงไป แม้จะเป็นเพียงถ้วยแชมป์ที่เล็กที่สุดที่ฟาดแข้งกันในเกาะอังกฤษ แต่การได้แชมป์คาราบาวคัพ นับเป็นก้าวแรก ก้าวสำคัญ ที่สุดของเอริค เทน ฮาก กุนซือใหม่ ไฉไลของเด็กผี เพราะเขาต้องการผลงานที่จับต้องได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าความเฮียบ ความเนียบ และความเด็ดเดี่ยวของเขานั้นได้ผล สร้างความมั่นใจให้กับทีมที่เขาเพิ่งสร้าง
การแพ้หงส์แดงแบบย่อยยับ จึงเป็นบทเรียนสำคัญของเทนฮาก และแมนยู ว่าความมั่นใจและความสำเร็จที่มาเร็ว ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดแล้ว
แอนฟิลด์ต้องไม่สิ้นมนต์
วกกลับมาที่คล็อปป์ นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเขา เขาเป็นกุนซือคนเดียวที่สร้างสถิติแดงเดือดให้หงส์แดงเหนือกว่าแมนยูทั้งในฐานะที่ไปเยือน และในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน คล็อปป์ กลับเป็นกุนซือที่ใช้จิตวิทยาได้ผลในเกมใหญ่เกมนี้ และฉวยใช้วาทกรรม คำพูดของเทน ฮาก ให้เป็นประโยชน์
อันที่จริง ก่อนการเจอแมนยูเมื่อคืน ลิเวอร์พูลเองก็ทำผลงานได้ดีมาสักระยะ ในลีกไม่เสียประตูมา 5 เกมติด อาจจะมีการพลาดท่าครั้งใหญ่ในเกมกับมาดริด มาคั่น ทีมไต่ระดับจากอันดับ 10 ขึ้นมา 9, 8, 7, 6 แต่ก็ยังไม่ได้ถูกจับตามองมากนัก เพราะดีเป็นพัก ๆ หาย ๆ ดังนั้นด้วยสถานการณ์ แบบนี้ ทีมเป็นรองในสายคนอื่นอยู่แล้ว การจะแพ้แมนยูเกมนี้ มันจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเกินกว่า 80 % ทุกคนก็เอนเอียงไปทางนั้น
ในการให้สัมภาษณ์ก่อนเกม คล็อปป์จึงไม่พูดอะไรที่จะสร้างความกดดันให้ทีมเลย หรือคำพูดไหนที่จะไปสร้างแรงกระตุ้นให้คู่แข้งเขาก็เลี่ยงไปเลย คล็อปป์ เบาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับการให้สัมภาษณ์ถึงเทน ฮาก หรือแมนยู ครั้งก่อน ๆ คล็อปป์เริ่มต้นที่การชื่นชมแมนยู บอกถึงสถานการณ์ที่พวกเขากำลังลุ้นแชมป์
จากนั้นคล็อปป์ก็เริ่มจิตวิทยาสำคัญ คือการปลุกแอนฟิลด์ คล็อปป์บอกกับแฟนบอลว่า มีเพลงอะไร ขนมาให้หมด เราไม่รู้ว่าคล็อปป์พูดอะไรกับนักเตะบ้างก่อนลงสนาม บางทีอาจจะเป็นการอ่านบทสัมภาษณ์ของเทนฮากให้นักเตะฟังสัก 100 รอบ เพื่อให้นักเตะฮึกเหิมมากขึ้น หรืออาจจะบอกนักเตะว่าหากแพ้เกมนี้จะโดนลงโทษให้วิ่งรอบสนาม 7 กิโลเมตรก็ได้
แต่สิ่งที่คล็อปป์พูด มันได้ผล เสียงเพลงดังกระหึ่มแอนฟิลด์ นักเตะหงส์แดงวิ่งเป็นม้าศึกออกรบโดยไม่กลัวตาย ณ เวลานั้น สนามแอนฟิลด์ อาจจะแคบเกินไปสำหรับแมนยู เพราะพวกเขาเหมือนถูกขังไว้ในกรง แล้วถูกราชสีห์คำรามใส่ไม่ยั้ง ขณะที่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งไปทางไหน ก็เจอกับนักเตะหงส์แดง ประหนึ่งลูกวัวที่ขึ้นลาน ย่อมรู้ถึงชะตากรรม เมื่อพวกเขาโดนไป 3 ลูก ก็ถอดใจยอมให้หงส์ขย้ำโดยไม่ขัดขืน
โดยปกติ เมื่อลิเวอร์พูลชนะทีมคู่แข่งในแอนฟิลด์ คล็อปป์ จะต้องลงมายกมือยินดีกับแฟนบอล แต่เกมนี้ พิธีกรรมดังกล่าวถูกงดเว้น ด้วยเพราะคล็อปป์เองไม่อยากซ้ำเติมชะตากรรมของผู้มาเยือน เป็นชัยชนะที่เกินกว่าจะยินดี เพราะคู่ต่อสู้ประสบกับโชคชะตาที่โหดร้ายเกินไป
คล็อปป์ พยายามอย่างมากในฤดูกาลนี้ ที่จะดึงความมั่นใจของนักเตะกลับมา แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลวและไม่ต่อเนื่องมาตลอด แต่เกมนี้เกมเดียว นักเตะหงส์แดงทั้งทีมจะได้ความมั่นใจกลับมาเต็มเปี่ยม นูเญช ถูกแฟนบอลแมนยูตั้งฉายาให้เป็น นิว แคร์โรล ขณะที่กักโป โทษฐานที่ไม่ย้ายไปแมนยู และทำผลงานได้ไม่ดีในช่วงแรก เขาก็โดนล้อหนักหน่อย ถูกนำไปเทียบกับแอนโทนี ทั้งสองก็ได้ปลดปล่อย ปลดล็อค และปล่อยของเต็มที่ในเกมนี้จัดไปคนละ 2 ดอกเน้น ๆ
ขณะที่ซาลาห์ ครั้งหนึ่งเขาเคยโดน ทั้ง แอชลีย์ ยัง ในยุค มูรินโญ่ หรือ ลุค ชอว์ ในยุคเทน ฮาก เก็บใส่ตะกร้ามาแล้ว วันนี้เขาในวัยสามสิบกว่า ที่แฟนแมนยูมองว่าไม่มีพิษสงแล้ว กลับมีจังหวะล็อคหลบ มาติเนช จนหลังหัก ก่อนตวัดให้ กักโป ยิงสุดสวยไป
ในขณะที่เทรนท์ มีประเด็นก่อนเกม ที่หลายคนมองว่า เกมนี้เขาคงจะโดนแรชฟอร์ดพาทัวร์อีกเช่นเคย แต่จังหวะที่เขาเข้าสกัดบอลในจังหวะที่แรชฟอร์ดหลุดเดี่ยวได้ ก็น่าจะช่วยให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น แม้แต่บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่ ที่เพิ่งประกาศลาทีมก็ไม่วายได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เรียกว่านักเตะแต่ละคนในเกมนี้ ทุกคนรู้ดีว่า ต้องทำอะไร และเห็นถึงความจำเป็นว่า ทำไมพวกเขาต้องชนะเกมนี้
หากพวกเขาแพ้แมนยู ที่กำลังมาแรง และกุนซือของคู่แข่งออกแนวปรามาสไว้ก่อนเกมว่า แอนฟิลด์ ก็แค่สนามฟุตบอล นี่จึงเป็นเหมือนสารกระตุ้นชั้นดีให้นักเตะหงส์แดงและคล็อปป์จะฉกฉวยโอกาสจากจุดนี้ และนักเตะทุกคนก็ทำสำเร็จ พวกเขายังรักษาแอนฟิลด์ไว้ได้ ไม่ให้เป็นแค่สนามฟุตบอล และน่าจะทำให้แฟนแมนยูรู้สึกขวัญผวาเมื่อได้ยินคำว่า “ที่นี่แอนฟิลด์”