เจาะลึก ‘โคดี กักโป’ จิกซอว์ชิ้นสำคัญในการสร้างทีมใหม่ของคล็อปป์

ตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สร้างเซอร์ไพร้สเล็ก  ๆ ด้วยการปิดดีลกับ โคดี กักโป นักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลฮอลแลนด์ ในราคาที่ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในตลาดนักเตะยุคนี้ ในราคาไม่ถึง 50 ล้านปอนด์ ดีลนี้สร้างความแปลกใจ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นการนำเข้านักเตะใหม่ แต่เป็นเพราะในขณะนั้น ตำแหน่งที่ทีมต้องการจริง ๆ คือแดนกลางมากกว่า

จนถึงตอนนี้ นับแต่กักโปย้ายมาอยู่กับหงส์แดง เขาลงเล่นครบทุกเกม 12 เกม โดยลงเป็นตัวจริงมากถึง 11 เกม แม้จะออกสตาร์ท 6 เกมแรกโดยไม่มีสักประตูหรือแอสซิสต์เลย แต่ผลงานของเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และสามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ ในระยะเวลาเพียง 12 เกมเท่านั้น

หากย้อนไปในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ช่วงที่หงส์แดงทำผลงานได้ค่อนข้างย่ำแย่ มีกระแสว่าคล็อปป์อาจจะอำลาทีม แต่คล็อปป์ก็ออกมาสยบข่าวทั้งปวงด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุหลักที่เขา ต่อสัญญากับทีมไปอีก 2 ปี เพราะเขาอยากมีเวลามากพอที่จะสร้างทีมใหม่ขึ้นมา

จากเดิมที่คล็อปป์มองว่า การสร้างทีมใหม่ ไม่จำเป็นต้องรื้อทีมเก่ามากนัก หรือไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่เมื่อพบกับสภาพปัญหาของทีมที่เป็นอยู่ คล็อปป์จึงตัดสินใจแน่วแน่ว่า ทีมนี้ต้องมีการ รื้อสร้างครั้งใหญ่ แน่นอนว่า มันคือเหตุผลสำคัญในการรีบคว้าตัวกักโปเข้าทีม วันนี้เราจะพามาวิเคราะห์เหตุผลที่โคดี กักโป คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการสร้างทีมใหม่ของคล็อปป์

ความยุ่งเหยิงในแดนหน้า

ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุกเยอะมาก ทั้งขาออกและขาเข้า เป็นความเปลี่ยนแปลงแทบจะยกชุด ขาออกเราเสียทั้งมาเน่ มินามิโนะ โอริกี้ เพื่อเปิดทางให้นักเตะทั้ง โจต้า และดิอาช ที่เข้ามาก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ช่วงซัมเมอร์ก็มีการเสริมตัวรุกมาถึงสอง ทั้งคาร์วัลโญ่และนูเญช ที่เป็นดีลระดับสโมสร

รวม ๆ แล้ว ตอนต้นฤดูกาลเรามีแนวรุกที่พร้อมใช้งานถึง 6 คน นูเญช ฟีร์มิโน่ โจต้า ดิอาช คาร์วัลโญ่ ซาลาห์ แต่กลายเป็นว่า ปัญหาแนวรุกมีมากกว่าที่คาด โดยเฉพาะการบาดเจ็บของดิอาชและโจต้า ขณะที่นูเญชโดนแบน 3 นัด แถมยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ซาลาห์เองก็ฟืด ๆ แดนหน้าที่ทำผลงานดีกลับเป็นฟีร์มิโน่ แต่ก็มาโดนอาการบาดเจ็บอีก

ช่วงก่อนที่จะซื้อกักโปมา คล็อปป์ต้องส่งแชมเบอร์เลนลงเล่นในตำแหน่งตัวรุกด้านซ้ายไปพราง ๆ ก่อน ทั้งที่นักเตะเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บไม่นาน แทนที่จะใช้งานนักเตะใหม่อย่าง คาร์วัลโญ่ การซื้อกักโปเข้ามาเสริม จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องของปริมาณ แต่เป็นเรื่องของคุณภาพและการสร้างความแตกต่างในเกมมากกว่า

คล็อปป์กลับมาใช้ 4-3-3

การได้นูเญชที่มีลักษณะของหน้าเป้ามา ทำให้ช่วงต้นฤดูกาล ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น คล็อปป์เตรียมแผนการเล่นสำหรับนูเญชไว้ค่อนข้างชัด และมันชัดเจนว่าเขาอยากให้นูเญชเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ระบบการเล่นในช่วงแรกมันจึงเป็นการพัฒนา ลองผิดลองถูกเพื่อหาวิธีการเล่นที่เข้ากับนูเญช

ในช่วงแรกเหมือนคล็อปป์จะหนีห่างจาก 4-3-3 ไปแล้ว ทั้งที่ในตอนต้นฤดูกาล ทั้งฟีร์มิโน่ก็ยังอยู่ ซาลาห์ นูเญช ก็พร้อมที่จะเล่นเป็น 4-3-3 เหมือนเดิม ถ่างนูเญชไปเล่นหน้าซ้ายแบบที่เล่นทุกวันนี้ก็ได้ แต่คล็อปป์เลือกให้นูเญชเล่นหน้าเป้าอยู่ดี โดยช่วงแรกจะเล่นหน้าคู่กับซาลาห์มากกว่า

ไม่ว่าจะยังไงก็ดูเหมือนว่ายิ่งปรับยิ่งไม่เข้าท่า ทั้งแผน 4-4-2 , 4-2-3-1, 4-1-4-1 คล็อปป์ทดลองทุกระบบแล้ว มันก็ยังไม่เวิร์ค จนช่วงหลังคล็อปป์ต้องกลับมาใช้ระบบกลาง 3 หน้า 3 เหมือนเดิม แต่นูเญชก็ยังเล่นเป็นตรงกลางอยู่ดี โดยมีแชมเบอร์เลนเล่นด้านซ้าย แต่ก็ดูเหมือนว่า นูเญช อาจจะไม่ได้เหมาะกับการยืนค้ำเป็นหน้าเป้า ดูเหมือนเขาต้องการพื้นที่ลากเลื้อยพอสมควร นั่นทำให้ผมมองว่าคล็อปป์เริ่มอยากจะได้กองหน้าตัวกลางที่เหมาะกับทีมมากขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของดีลกักโป

กักโป โดดเด่นกับทีม พีเอสวี และทีมชาติฮอลแลนด์ในตำแหน่งตัวรุกด้านซ้ายมาเสมอ ดังนั้นเริ่มแรกเดิมทีตอนมีข่าวกับเขา กูรูทุกสำนักจึงมึนงงมากว่าคล็อปป์จะซื้อตัวรุกด้านซ้ายมาทำไม ในเมื่อ ดิอาช ก็ยังอยู่ นูเญช ก็เล่นได้ คาร์วัลโญ่ที่เพิ่งซื้อมาก็เล่นได้ คือแนวรุกฝั่งซ้ายดูจะไม่ใช่ความจำเป็นใด ๆ เลย

แต่คล็อปป์ก็เซอร์ไพร้ส ทุกคนอีกครั้งด้วยการปรับตำแหน่งของกักโป ให้เขาลงเล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง ใบทบาทของฟีร์มิโน่ตั้งแต่เกมแรกจนถึงตอนนี้เลย ราวกับว่าเป็นบทบาทที่คล็อปป์มอบให้เขาตั้งแต่ก่อนจะซื้อเขามาเล่นแล้ว หรือมองอีกมุมก็คือ คล็อปป์กำลังมองหาจิกซอว์ของการสร้างทีมใหม่ในระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม

False 9 คนใหม่แห่งแอนฟิลด์

ที่ไล่เรียงมาให้เห็นไทม์ไลน์ของการซื้อตัวกักโปมา ส่วนหนึ่งผมอยากแสดงให้เห็นว่า ดีลของกักโปนั้น อาจจะไม่ใช่ดีลที่ต้องการเสริมตั้งแต่แรก คือ เป็นดีลที่เกิดขึ้นแบบจับพลัดจับผลู อย่างไม่ทันตั้งตัว ลองคิดดูว่าหากนักเตะแดนหน้าของหงส์แดงที่มีในทีมไม่ทยอยกันเจ็บ อยู่ครบทุกคน ดิอาช โชตา นูเญช ซาลาห์ ฟีร์มิโน่ อย่างไรเสียทีมก็คงไม่บ้าพอจะซื้อตัวรุกมาเพิ่มแน่นอน

และหากคล็อปป์ตั้งใจจะทำระบบ 4-3-3 ต่อ โดยยังจะยึดรูปแบบการเล่น แบบ False 9 ไว้ดังเดิม ก็คงใช้ระบบ 4-3-3 ตั้งแต่ต้น และปรับนูเญชให้เป็นหน้าซ้ายตั้งแต่ต้นเช่นกัน เพราะในขณะนั้นฟีร์มิโน่ก็ยังอยู่ในทีม แต่ลักษณะที่คล็อปป์ใช้งานนูเญชในช่วงต้น มันบอกว่าคล็อปป์ต้องการปรับระบบการเล่นของทีมใหม่  แต่มันคือการปรับจนคนพบว่า ระบบเดิมนั้นดีที่สุดแล้ว

แล้วทำไมกักโปจึงเป็นคนที่ใช่ นี่แหละครับคือโชคชะตา กักโป หากยังจำกันได้ ช่วงซัมมอร์เขาตกเป็นข่าวกับแมนยูหนักมาก ตอนนั้นมีข่าวว่า แมนยูต้องเลือกระหว่างกักโปกับแอนโธนี คนใดคนหนึ่งเท่านั้น และแมนยูก็เลือกแอนโธนี นั่นหมายความว่าหากตอนนั้นแมนยูเลือกกักโป เขาก็จะไม่ได้มาเป็นนักเตะหงส์แดงแน่ ๆ และหากเขาอยู่ในแผนการเสริมทัพแต่ต้น คล็อปป์คงไม่ปล่อยให้เขาไปแมนยูง่าย ๆ แน่ นี่คือเรื่องของโชคชะตา จริงไหม

กักโป เป็นนักเตะแนวรุกที่สูงถึง 193 เซ็นต์ แต่เขาแจ้งเกิดในตำแหน่ง ปีกซ้าย มากกว่า มีทั้งความเร็วและการจบสกอร์ที่เฉียบคม คนที่ค้นพบว่ากักโปสามารถเล่นเบอร์ 10 หรือ false 9 ได้นั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ หลุยส์ ฟานเกา ผู้จัดการทีมฮอลแลนด์ที่พาทีมลุยศึกฟุตบอลโลกที่ผ่านมา

ฟานเกา บอกว่า กักโป มีศักยภาพที่จะเติบโตไปเป็นผู้เล่นระดับท็อปได้ เขาถนัดเล่นทางริมเส้นมากกว่า และแม้เขาจะไม่ชอบเล่นตรงกลาง แต่ฟานเกาก็ยืนยันว่าเขาเล่นตำแหน่งนั้นได้ หากเราไปดูผลงานในแต่ละตำแหน่งของเขาจากเว็บไซด์ whoscored จะพบว่าเขาเล่นได้ถึง 4 ตำแหน่ง คือปีกซ้าย หน้าซ้าย หน้ากลาง และเพลย์เมกเกอร์ แต่จะสรุปง่ายเป็น เล่นด้านข้างกับเล่นตรงกลาง

ในการเล่นด้านข้าง ฤดูกาลนี้เขาลงเล่นไป 20 นัดรวมทุกรายการ เขายิงไป 12 ประตู และทำไป 14 แอสซิสต์ ขณะที่เมื่อเขาเล่นตรงกลาง เขาลงเล่นไป 15 นัด ทำไป 9 ประตู และทำแอสซิสต์ไม่ได้เลย หากมองในแง่การผลิตประตู เขาสามารถทำประตูได้ดีทั้งจากด้านข้างและตรงกลาง แต่หากมองในแง่ของการแอสซิสต์ เขาทำได้เฉพาะตอนเล่นด้านข้างเท่านั้น

มันเชื่อมโยงกับตลอด 12 เกมที่เขาเล่นให้กับหงส์แดง เขาไม่เคยทำแอสซิสต์ให้เพื่อนเลยสักประตูเดียว แต่เขาสามารถทำประตูไปแล้วถึง 4 ประตู ตรงนี้อาจจะแปลกนิดหน่อยหากเรามองว่าเขาจะมาเป็น False9 คนใหม่ของแอนฟิลด์ เพราะสวนทางกับฟีร์มิโน่ที่เขามักจะแอสซิสต์ให้เพื่อนได้มากกว่าทำประตูเอง แต่เพราะแบบนั้นแหละ เขาจึงแตกต่าง

False9 ที่แตกต่าง

เมื่อคล็อปป์รู้แน่ชัดแล้วว่า การสร้างทีมชุดใหม่นี้ยังจำเป็นต้องใช้ระบบ 4-3-3 และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในระบบนี้ก็คือ false9 จิกซอว์ที่จะมาทำหน้าที่แทนฟีร์มิโน่ ที่แต่เดิมคล็อปป์และทีมงานคงคิดว่าไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้แล้ว การค้นหาน่าจะเริ่มขึ้น และจากข่าวที่ออกมา มันก็ชัดเจน เพราะช่วยของคล็อปป์อย่าง เป๊บ ลินเดอร์ส เป็นคนเสนอกักโปให้กับคล็อปป์ และพวกเขาคงมองศักยภาพของกักโปในตำแหน่ง False 9 ไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

คล็อปป์ไม่ได้ต้องการคนที่เล่นเหมือนฟีร์มิโน่ทุกระเบียบนิ้ว แต่ต้องการคนที่เล่นใน ‘บทบาท’ เดียวกันกับฟีร์มิโน่ ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างเป็นของตัวเอง และกักโปก็ตอบโจทย์ข้อนี้ คล็อปป์ต้องการกองหน้าตัวกลางที่สามารถพักบอลได้ ไปกับบอลได้ เล่นเพื่อทีม และที่สำคัญคือ ต้องลงมาเล่นเกมรับได้ แย่งบอลให้ได้

ทีนี้เราลองกางดูสถิติต่าง ๆ ของกักโปเมื่อเทียบกับฟีร์มิโน่ ใน 3 มิติทั้งเกมรุก เกมรับ และการผ่านบอล ในแง่ของเกมรุก กักโปลงเล่น 573 นาที ยิงได้ 4 ประตู 0 แอสซิสต์ ขณะที่ฟีร์มิโน่ลงเล่นไป 1009 นาที ยิงได้ 8 แอสซิสต์อีก 4 กักโปสร้างโอกาสยิง 2.3 ครั้งต่อเกม ขณะที่ฟีร์มิโน่ 1.9 ครั้ง กักโปเลี้ยงผ่าน 0.8 ครั้งต่อเกม ฟีร์มิโน่ 0.6 ครั้ง กักโปจ่ายคีย์พาส 0.8 ครั้ง ฟีร์มิโน่ 1.1 ครั้ง กักโปถูกทำฟาวล์ 1.6 ครั้ง ต่อเกม ฟีร์มิโน่ 0.3 ครั้ง

ในแง่เกมรับ กักโปแท็กเกิลชนะ 0.9 ครั้ง ฟีร์มิโน่ 0.8 ครั้ง กักโปทำฟาวล์ 1.4 ครั้ง ฟีร์มิโน่ 0.4 ครั้ง สถิตินอกนั้นทั้งการเคลียร์บอล การบล็อก ทั้งสองทำได้เกือบเท่ากัน ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคงเป็นเรื่องการผ่านบอล ฟีร์มิโน่ผ่านบอลเฉลี่ย 25.3 ครั้งต่อเกม และผ่านสัมเร็จสูงถึง 80 % ขณะที่กักโปผ่านบอลเฉลี่ย 14 ครั้งต่อเกม และผ่านสำเร็จที่ 71 % เท่านั้น การวางบอลสั้น บอลยาว แทงทะลุช่อง กักโปเป็นรองฟีร์มิโน่หมดเลย

จะเห็นว่า จุดเด่นเรื่องเกมรับ เขาไม่เป็นรองฟีร์มิโน่เลย ในแง่เกมรุก แม้แอสซิสต์จะน้อย แต่โอกาสการทำประตูและการผลิตสกอร์เขาดูดีกว่าฟีร์มิโน่ เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะตอนนี้คนที่ทำแอสซิสต์กลายมาเป็นซาลาห์มากกว่า นี่คือสิ่งที่แตกต่างของกักโปกับฟีร์มิโน่

ฟานเกา บอกว่า จุดเด่นอย่างหนึ่งที่มีในตัวกักโปคือ เขาเป็นเด็กที่พร้อมจะรับฟัง ปรับตัวเสมอ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของคนที่จะเล่นตำแหน่งนี้ เขาก้มหน้าก้มตาเล่นตามที่คล็อปป์บอก โดยล้อมาหลายเกม ทั้งที่เขารู้ดีว่าเขาเล่นได้ดีกว่านี้แน่ในตำแหน่งด้านข้าง แต่เขาก็ยังอดทนทำตามที่โค้ชสั่ง จนถึงตอนนี้เขาก็ก้าวมาเป็นดาวดวงใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

การมาของกักโปทำให้ซาลาห์ได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัด และผลงานของเขาก็กลับมาดีวันดีคืน ขณะที่นูเญชเองก็ได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดเช่นกัน การที่กักโปเองก็ขยับไปเล่นด้านข้างได้ และนูเญชเองก็ขยับมาเล่นตรงกลางได้ ยิ่งทำให้การเคลื่อนที่ของพวกเขาสองคนดูลงตัวและเกื้อหนุนกันมาก คู่แข่งเดาทางได้ยาก

ที่สำคัญนี่เพิ่งจะเริ่มต้น กักโป ยังสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้ เรายังไม่ได้เห็นศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของเขา ด้วยวัยเพียง 23 ปี เขาสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกล บางทีเขาอาจจะสร้างตำนานบทใหม่ในตำแหน่ง False 9 ให้กับตัวเองได้ ไม่ต่างจากที่ฟีร์มิโน่เคยทำมา การที่ฟีร์มิโน่ประกาศยุติสัญญากับทีม ก็เพื่อเปิดโอกาสให้กักโปเติบโตในตำแหน่งนี้ มันทำให้ผมนึกถึงกรณีของ โรนัลดิญโญ่ ที่ออกจากบาร์ซ่าเพื่อเปิดทางให้เมสซี่ได้เฉิดฉาย

จากคนที่แมนยูตัดทิ้งวันนั้น เขาสามารถทำประตูได้มากกว่าแอนโธนีนักเตะที่แมนยูเลือกได้แล้ว ทั้งที่ลงสนามน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง นักเตะที่ถูกมองว่าฝีเท้าไม่ถึง ไม่เห็นจะมีดี ตอนนี้เขาลบทุกคำสบประมาทได้แล้ว ที่เหลือก็แค่ให้ประวัติศาสตร์ลูกหนังค่อย ๆ จารึกวีรกรรมของเขา ก็เท่านั้นเอง